xs
xsm
sm
md
lg

“ยูนิชาร์ม” ยังปักฐานไทย ทุ่มพันล้านเพิ่มผลิต “โซฟี”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ทาคูมิ เทรากาว่า” (กลาง) กรรมการผู้จัดการบริษัท ยูนิชาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด และ “ดำรงค์ ปิยะนิจดำรงค์” (ซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายขายบริษัท ยูนิชาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย “โยชิโอะ ทัสซึตะ (ขวา) ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัท ยูนิชาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด
“ยูนิชาร์ม” ประเทศไทย ไม่หวั่นรัฐประหาร พร้อมลงทุนต่อเนื่องอีกมากกว่า 1,000 ล้านบาท เพิ่มเครื่องจักร 10 ตัว เพิ่มฐานผลิตในโรงงานแห่งที่สอง เชื่อความต้องการผ้าอ้อมผู้ใหญ่ในประเทศไทยจะเพิ่มสูงขึ้น พร้อมโฟกัสทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์หลัก ล่าสุดปรับโฉมผ้าอนามัย “โซฟี” ดึง “เต้ย-จรินพร” นั่งแท่นพรีเซนเตอร์คนใหม่ หวังเจาะเด็กวัยรุ่นมากขึ้น เชื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 53%ในสิ้นปี พร้อมรายได้โต8% ส่งรายได้รวมปีนี้โตอีก15-20% เท่าปีก่อน ที่ปิดรายได้ไป 17,000 ล้านบาท

นายทาคุมิ เทรากาว่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิ-ชาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในประเทศไทยปีนี้ไม่ได้มีความกังวลใดๆ ทั้งจากปัญหาการเมือง หรือปัญหาเศรษฐกิจ เพราะทั้งสามกลุ่มสินค้าคือ ผ้าอนามัย ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ และผ้าอ้อมเด็กที่บริษัทฯทำตลาดในประเทศไทย ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้บริโภคไม่ได้ใช้ลดลง ถึงแม้ว่าจะมีรัฐประหารเกิดขึ้นและแม้ทางบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นจะกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ตาม แต่บริษัทยังพร้อมลงทุนต่อเนื่อง เพราะเป็นการลงทุนโดยยูนิ-ชาร์ม ประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมามีการลงทุนต่อเนื่องทุกปี

ล่าสุดปีนี้พร้อมใช้งบลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท สำหรับเพิ่มเครื่องจักรใหม่ร่วม 10 ตัว สำหรับโรงงานแห่งที่ 2 ที่ลงทุนไปเมื่อปีก่อน โดยโรงงานแห่งนี้จะรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งในเมืองไทยพบว่ากลุ่มผ้าอ้อมผู้ใหญ่จะมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น จากปีที่ผ่านมาๆ มีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% ทุกปี และยูนิ-ชาร์ม มีแชร์เป็นอัน 2 ในตลาดรวมผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ภายใต้แบรนด์ Lifree สิ้นปีนี้มั่นใจว่าจะก้าวขึ้นเป็นที่ 1 ได้

ส่วนกลุ่มผ้าอนามัยภายใต้แบรนด์โซฟี ปีนี้ได้มีการปรับปรุงผลิตภันฑ์เดิมในกลุ่มสำหรับกลางคืนให้มีขนาดยาวขึ้น จาก 40 ซม. เป็น 42 ซม. มาพร้อม Butterfly Fit Sheet แผ่นป้องกันด้านหลังรูปปีกผีเสื้อ พร้อมดึง “เต้ย-จรินพร” นักแสดงชื่อดัง ร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ล่าสุด พร้อมงบการตลาดที่ใช้มากขึ้นกว่าปีก่อน เพื่อทำการตลาดทั้งอะโบฟเดอะไลน์ และบีโลว์เดอะไลน์ เจาะเด็กวัยรุ่นอายุ 18 ปีมากขึ้น

บริษัทฯมั่นใจว่าถึงสิ้นปี โซฟียังคงเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 52-53% จากปีก่อนอยู่ที่ 50.4% หรือมียอดขายโตขึ้น8% จากตลาดรวมกลุ่มสินค้าผ้าอนามัยและแผ่นอนามัยมูลค่า 5,300 ล้านบาทที่ปีนี้น่าจะโต 4% ส่วนรายได้รวมบริษัทปีนี้มองว่าจะโตมากกว่า 10% หรือน่าจะโตได้ถึง 15-20% เท่าปีก่อนที่ปิดรายได้ไป 17,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นในประเทศ 70% และต่างประเทศ 20-30% โดยยังคงเน้นตลาดในประเทศเป็นหลัก


กำลังโหลดความคิดเห็น