xs
xsm
sm
md
lg

ส.อ.ท.เปรียบกฎอัยการศึกเหมือนยาชา ต้องรีบจบดื้อยาจะเจ็บแรง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ส.อ.ท.เผยนักลงทุนไทยและต่างชาติเกาะการเจรจาแก้ปมการเมืองไทยหลังประกาศกฎอัยการศึกใกล้ชิด ชี้ต้องเจรจาให้จบและเป็นที่ยอมรับทุกฝ่ายให้เร็ว หากจบช้าเปรียบเหมือนยาชาสิ้นฤทธิ์ จะดื้อยาปัญหาจะรุนแรงมากขึ้นกระทบต่อจีดีพีอาจติดลบทันที เผยรับได้หากนายกฯ มาจากการแต่งตั้ง แต่ขอให้กำหนดกรอบการเลือกตั้งให้ชัดเพื่อดึงเชื่อมั่นนักลงทุน

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคธุรกิจทั้งไทยและต่างชาติกำลังติดตามสถานการณ์การเมืองไทยอย่างใกล้ชิดภายหลังมีการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งเห็นว่าประกาศดังกล่าวเปรียบเสมือนการให้ยาชาแก่คนไข้ ดังนั้นการเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองจะต้องให้จบเร็วที่สุด โดยทุกฝ่ายต้องยอมรับได้หากเจรจาไม่ได้ข้อยุติในเร็ววันยาชาหมดฤทธิ์ก็จะดื้อยาเกรงว่าปัญหาจะบานปลายและนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้น ถึงจุดนั้นจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรงถึงขั้นการเติบโตอาจติดลบทันที

“การมีกฎอัยการศึกก็เปรียบเหมือนการให้ยาชา คงไม่หายเลย และถือว่ามีกรรมการกลางเพิ่มเข้ามาอีกครั้งและครั้งนี้ต้องรีบทำให้จบ เพราะการเจรจาไม่จบยาชาสิ้นฤทธิ์เมื่อใดก็จะเจ็บกว่าเดิมเพราะจะทะเลาะกันมากขึ้น จึงต้องดูการเจรจาในช่วง 1-2 วันจากนี้ว่าจะมีหนทางที่ดีขึ้นหรือไม่ ซึ่ง 6 เดือนที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยก็บอกช้ำไปพอสมควรแล้ว”

ทั้งนี้ เอกชนต้องการรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มมาบริหารประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเป็นที่ยอมรับได้จากทุกฝ่ายรวมถึงต่างประเทศด้วย โดยแนวทางการเลือกตั้ง หรือการมีนายกรัฐมนตรีคนกลางที่มาจากแต่งตั้งก็ได้ แต่กรณีหลังนี้ควรกำหนดกรอบถึงระยะเวลาที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งให้ชัดเจนเพื่อที่จะสามารถชี้แจงกับนานาประเทศได้ เนื่องจากตามการเลือกตั้งต่างประเทศจะให้การยอมรับไม่ว่าจะช้าหรือเร็วไม่สามารถปฏิเสธได้ซึ่งต้องการให้ทุกฝ่ายหันหน้าเจรจาไม่ใช่ต่างฝ่ายต่างตั้งการ์ดไว้สูง

“สิ่งที่ห่วงคือต่างฝ่ายต่างยังระดมมวลชนกันอยู่ การเมืองที่เป็นปัญหามา 6 เดือนจีดีพีเราเองปีนี้คงโตไม่ถึง 3% แต่ถ้าการเจรจาไม่จบแต่ไม่รุนแรงระยะสั้นมองว่าคงโตไม่เกิน 1% แต่ถ้านำไปสู่ความรุนแรงอาจติดลบทันที เพราะห่วงส่งออกจะได้รับผลกระทบรวมถึงยอดขายในประเทศที่ยังลดลงตอ่อเนื่อง การลงทุนก็ยังชะลอทำให้ภาพรวมธุรกิจชะลอการจ้างงานใหม่ แต่ธุรกิจขนาดกลางและย่อมหรือเอสเอ็มอีคงทยอยปิดไปบ้างแล้ว” นายสุพันธุ์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น