“ส.อ.ท.” เผยภาคเอกชนเกาะติดปัญหาการเมืองใกล้ชิด 1-2 สัปดาห์นี้ซึ่งถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้ หวังทุกฝ่ายถอยคนละก้าวสู่โหมดยุติปัญหาแบบสงบ รับไม่แน่ใจจะยุติหรือบานปลาย “กกร.” นัดถกพรุ่งนี้ ส.อ.ท.เล็งหารือช่วยแก้ปัญหาสภาพคล่อง SMEs ด่วน
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ช่วง1-2 สัปดาห์จากนี้นับเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของปัญหาการเมืองไทยเนื่องจากจะมีความเคลื่อนไหวทางประเด็นการเมืองในหลายๆ เรื่อง ดังนั้นเอกชนคงติดตามอย่างใกล้ชิดและต้องการเห็นทุกฝ่ายมีการถอยคนละก้าวเพื่อที่จะทำให้ปัญหาการเมืองไทยจบลงแบบสงบสุขไม่ต้องการเห็นปัญหาที่บานปลายเพิ่มขึ้น ซึ่งหากจบเร็วและเป็นไปด้วยดีเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจไทยจะกลับมาเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
“เราต้องยอมรับว่าปัญหาการเมืองไทยมีผลต่อเศรษฐกิจมากกว่า 70-80% เพราะทำให้เอกชนและนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น การบริหารประเทศทำไม่ได้ในเรื่องของงบประมาณต่างๆ ส่งผลให้เกิดการชะลอการใช้จ่ายของผู้บริโภค ดังนั้นการเมืองจบเร็วได้เท่าไรยิ่งดีต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งเวลานี้มีสัญญาณที่ทุกคนเองพยายามหาทางออกก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและช่วงจากนี้จะยิ่งงวดเข้ามา เราเองก็ตอบไม่ได้ว่าที่สุดจะจบลงหรือจะบานปลาย” นายสุพันธุ์กล่าว
สำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ได้แก่ ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทยหรือ กกร. พรุ่งนี้ (6 พ.ค.) อาจจะมีการรายงานสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจภาพรวม และ ส.อ.ท.เองจะหารือนอกรอบกับสมาคมธนาคารถึงปัญหาการขาดสภาพคล่องของผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ที่เกิดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากปัญหาการเมือง หากปล่อยไว้และการเมืองยังยืดเยื้อไปอีก 6 เดือนจะกระทบเอสเอ็มอีนับเป็นแสนราย