ดร.ชนินทร์ ชลิศราพงศ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย ผู้เชี่ยวชาญและคร่ำหวอดในวงการทูน่า กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิต และส่งออกปลาทูน่ามากเป็นอันดับ 1 ของโลกติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว โดยในปี 2557 คาดว่าการเติบโตมูลค่าการส่งออกในผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าแปรรูปโดยรวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 7% ด้วยศักยภาพการผลิตและคุณภาพมาตรฐานสินค้าระดับสากลของอุตสาหกรรมทูน่าไทย ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าทั่วโลก นอกจากนี้ ทางสมาคมฯ ยังได้ร่วมกับองค์กร INFOFISH ในการจัดงานประชุมผู้ประกอบการในระดับนานาชาติ ครั้งที่ 13 (13rd INFOFISH World TUNA Trade Conference & Exhibition 2014) ในระหว่างวันที่ 21-23 พฤษภาคม 2557 ณ โรงแรมแชงกรี-ลา เขตบางรัก โดยมีผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลกกว่า 500 คน มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการรวมตัวในวงการอุตสาหกรรมปลาทูน่า และผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียจากทั่วโลก เป็นการประชุมและร่วมปรึกษาเกี่ยวกับในประเด็นต่างๆ ที่มีผลต่ออุตสาหกรรม การสร้างและเชื่อมโยงทางธุรกิจ เพื่อให้เกิดกิจกรรมและแผนงานอย่างเป็นรูปธรรมในการส่งเสริมการประมงที่ยั่งยืน ที่จะเป็นผลบวกต่อธุรกิจและอุตสาหกรรมโดยรวม ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องต่อไปถึงในเรื่องการอนุรักษ์ และการรักษาแหล่งวัตถุดิบ, สิ่งแวดล้อม, การใช้แรงงานอย่างถูกต้องและเป็นธรรม, การพัฒนาฟื้นฟูชุมชนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมทูน่าในภาพกว้างอีกด้วย ในโอกาสนี้ สององค์กรเอ็นจีโอ (NGOs) ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลและโลมา ได้แก่ มูลนิธิ Friend of the Sea และ Earth Island Institute ได้เดินทางมาร่วมงานเพื่อแสดงความชื่นชม และมอบโล่แก่ทางสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทยและสมาชิกด้วย
สำหรับความร่วมมืออย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมการประมงที่ยั่งยืนนั้น ดร.ชนินทร์กล่าวว่า “ปัจจุบันประเทศไทยได้ส่งออกผลิตภัณฑ์ทูน่าไปมากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก มีการเติบโตแต่ละปีเฉลี่ย 5-10 เปอร์เซ็นต์มาเป็นระยะเวลานานกว่าทศวรรษแล้ว โดยเป็นการส่งออกปลาทูน่ากระป๋อง, ปลาทูน่าลอยด์ (ปลาทูน่านึ่งสุกแช่แข็ง) ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มียอดการส่งออกรวมกันสูงที่สุด ในปี 2556 มียอดรวมกว่า 550,832 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวม 80,058 ล้านบาท มีสหรัฐอเมริกาเป็นลูกค้าหลักของอุตสาหกรรมทูน่าไทย มูลค่าการส่ง ออกถึง 19 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 15,578 ล้านบาท โดยสาเหตุที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วนั้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์ทูน่าเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคจากทั่วโลก สามารถรับประทานได้ทุกวันอย่างต่อเนื่อง สะดวกในการหาซื้อและจัดเก็บ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการบริโภคกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว”
“จากตัวเลขมูลค่าการส่งออกตามตารางด้านล่างนี้ ได้ส่งผลทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่การเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกทูน่าใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลก ซึ่งนับว่าเป็นการสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศไทยอย่างมหาศาล จนอาจกล่าวได้ว่าอุตสาหกรรมทูน่านั้นเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่ช่วยค้ำจุนเศรษฐกิจประเทศไทยให้มีความแข็งแกร่งดังเช่นในปัจจุบัน” ดร.ชนินทร์กล่าวทิ้งท้าย