“พาณิชย์” บี้ผู้ผลิตแจ้งราคา-ขนาดสินค้า หวังใช้เป็นฐานข้อมูลจัดการกรณีลดไซส์ขึ้นราคาทางอ้อม

“พาณิชย์” บี้ผู้ผลิตสินค้า 3 รายการ สบู่ ผงซักฟอก แชมพู ผลิตขนาดสินค้าให้มีมาตรฐานเดียวกัน พร้อมขอให้แจ้งราคาและขนาดบรรจุทุกรายการภายในเดือน พ.ค.นี้ หลังพบ 3 รายการมีสินค้าในท้องตลาดมากถึง 102 ขนาด หวังใช้เป็นข้อมูลจัดการกรณีมีการลดไซส์ขึ้นราคาทางอ้อมในอนาคต ขู่หากไม่ร่วมมือเตรียมขึ้นบัญชีควบคุมหรือใช้ พ.ร.บ.ชั่งตวงวัดกำหนดขนาดให้เลย

นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการหารือกับสมาคมผู้ผลิตสบู่ไทย สิ่งชําระล้าง และผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล วันนี้ (28 เม.ย.) ว่า กรมฯ ได้ขอความร่วมมือไปยังสมาคมฯ ให้พิจารณาปรับขนาดบรรจุสินค้า 3 ชนิด คือ สบู่ ผงซักฟอก และแชมพู ไม่ให้มีมากจนเกินไปจนสร้างความสับสนต่อผู้บริโภค ซึ่งสมาคมฯ ได้แจ้งว่าการปรับขนาดบรรจุให้มีมาตรฐานเดียวกันจะขอไปหารือกันก่อนว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน ใช้ขนาดไหนเป็นเกณฑ์ โดยจะมีหนังสือแจ้งให้กรมฯ ทราบต่อไป

ทั้งนี้ กรมฯ ยังได้ขอให้ผู้ผลิตสินค้าทั้ง 3 รายการแจ้งข้อมูลขนาดบรรจุ ราคาขาย ให้กรมฯ ทราบ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการติดตามสถานการณ์ด้านราคา เพราะจะได้ทราบว่าหากต่อไปใครมีการปรับลดขนาดเพื่อปรับราคาทางอ้อมก็จะรู้ได้ทันที โดยกำหนดให้ผู้ผลิตจะต้องส่งข้อมูลทั้งหมดภายในเดือน พ.ค. 2557

สำหรับข้อมูลขนาดบรรจุสินค้าทั้ง 3 รายการ จากการสำรวจพบว่า สบู่ก้อนมีทั้งหมด 11 ขนาด สบู่เหลวมี 9 ขนาด ผงซักฟอกมี 36 ขนาด น้ำยาซักฟอกมี 8 ขนาด และแชมพูมี 38 ขนาด รวมสินค้า 3 รายการ มีทั้งสิ้น 102 ขนาด

นายสันติชัยกล่าวว่า ปัจจุบันสินค้าผงซักฟอกเป็นสินค้าที่อยู่ในบัญชีควบคุม โดยมีมาตรการคือ กำหนดให้ผู้ผลิตจะต้องแจ้งให้ทราบกรณีจะมีการปรับขึ้นราคาจำหน่าย ส่วนสบู่และแชมพูไม่ได้เป็นสินค้าควบคุม ซึ่งกรมฯ ได้ขอความร่วมมือให้แจ้งก่อนปรับราคาจำหน่าย แต่หากไม่ให้ความร่วมมือ หรือมีปัญหาการลดไซส์เพื่อขึ้นราคาทางอ้อม กรมฯ ก็จะบรรจุเป็นสินค้าควบคุมเพื่อกำหนดมาตรการทางกฎหมายให้เข้มขึ้น หรือใช้ พ.ร.บ.ชั่งตวงวัดกำหนดขนาดบรรจุให้เลยก็ได้ เพื่อให้มีมาตรฐานเดียวกัน

“ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นต้องใช้กฎหมายเข้าไปจัดการ อยากจะขอความร่วมมือกันดีกว่า เพราะการดำเนินการใดๆ เราจะยึดหลักการค้าเสรี การแข่งขันเสรี ยิ่งเมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ก็จะมีสินค้าชนิดเดียวกันจากต่างประเทศเข้ามาแข่งขัน ก็ต้องทำให้ผู้ผลิตของไทยแข่งขันได้ แต่ก็ต้องดูแลผู้บริโภคไม่ให้ถูกเอาเปรียบด้วย” นายสันติชัยกล่าว

อย่างไรก็ตาม การเข้ามาดูแลขนาดสินค้า เบื้องต้นจะเน้นใน 3 รายการนี้ก่อน เพราะเป็นสินค้าที่ได้รับการร้องเรียนเข้ามามาก ต่อไปก็จะขยายไปตรวจสอบสินค้ารายการอื่นๆ เพิ่มเติม