อคส.ล้างสต๊อกปาล์มที่เหลือ 1,650 ตัน ไฟเขียวผู้ผลิต 2 รายเข้ามาทำน้ำมันปาล์มขวดออกขาย 1 ล้านขวด ราคาไม่เกิน 42 บาท คาดเริ่มวางขายเดือนหน้า เอกชนร้องรัฐปรับราคาเพดานเพื่อให้สะท้อนกลไกตลาด
นายชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า อคส.ได้ประกาศหาผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันปาล์มเพื่อมาผลิตน้ำมันพืชปาล์มบรรจุขวดออกขายในตลาดในราคาไม่เกินขวดละ 42 บาท/กก. โดยล่าสุดมีผู้ประกอบการโรงกลั่นเข้ามายื่นซองประมูลจำนวน 2 ราย และ อคส.ได้อนุมัติไปแล้ว เนื่องจากเห็นว่าทั้ง 2 รายเป็นผู้ผลิตรายใหญ่มีกำลังการผลิตสูง โดยผู้ผลิตจะต้องดำเนินการผลิตและจำหน่ายให้เสร็จภายใน 1 เดือน นับตั้งแต่ลงนามในสัญญาที่ได้รับการอนุมัติประมาณวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะผลิตได้ประมาณ 1 ล้านขวด และวางจำหน่ายได้ในเดือนหน้า
ทั้งนี้ น้ำมันปาล์มดิบที่จะนำมาผลิตมีปริมาณ 1,650 ตัน จากคลัง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นน้ำมันปาล์มที่ได้จากการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันปาล์มและราคาผลปาล์มตกต่ำในช่วงปี 2555/56 ตามมติของอนุกรรมการระบายน้ำมันปาล์มดิบที่มี รมว.พาณิชย์เป็นประธาน
สำหรับแบรนด์ที่จะใช้กับน้ำมันปาล์มบรรจุขวดที่ผลิตขึ้นกำลังหารืออยู่ว่าจะใช้แบรนด์ใด แต่ราคาขายกำหนดไว้ไม่เกินขวดละ 42 บาท เพราะวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำมันพืชปาล์มและลดภาระค่าใช้จ่ายในการฝากเก็บและดูแลรักษาน้ำมันปาล์มดิบ ซึ่งน้ำมันปาล์มดิบ 1,650 ตันถือเป็นสต๊อกสุดท้ายจากที่ได้รับซื้อเข้ามาเก็บไว้ในสต๊อกทั้งหมด 4-5 หมื่นตัน
นางวิวรรณ บุณยประทีปรัตน์ เลขาธิการสมาคมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์ราคาผลปาล์มดิบขณะนี้อยู่ที่ 3.7-3.8 บาท/กก. เป็นราคาใกล้เคียงราคาต้นทุนการผลิตปาล์มอยู่ที่ 3.8 บาท/กก. แม้ว่ากระทรวงพลังงานจะเร่งปรับการผลิตน้ำมันดีเซลจากบี 5 เป็น บี 7 เพื่อเป็นการผลักดันให้ราคาผลผลิตปาล์มขยับขึ้น แต่สมาคมฯ กังวลว่าจะมีการไล่ซื้อน้ำมันปาล์มดิบ และอาจจะส่งผลให้เกิดการปั่นราคา และมีการแอบลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบได้
“ขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มดิบของไทยอยู่ที่ 27.50-28 บาท/กก. ซึ่งเป็นราคาใกล้เคียงกับราคาในตลาดโลก ซึ่งทางสมาคมฯ ต้องการให้ภาครัฐพิจารณาปรับราคาเพดานน้ำมันปาล์มขวดจาก 42 บาท/ขวด ให้อยู่ในช่วง 42-47 บาท/ขวด เพื่อให้ราคาปาล์มดิบเป็นไปตามกลไกมากกว่านี้”
นายสมชาติ สร้อยทอง อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ผลปาล์มดิบออกสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้ราคารับซื้ออ่อนตัวลงจากที่เคยขายได้ในช่วงเดือน ธ.ค. 2556-ม.ค. 2557 ที่ 4-6 บาทต่อ กก. ลดลงเหลือ 3-3.8 บาท/กก. ซึ่งยอมรับว่าเริ่มมีผลกระทบต่อเกษตรกรบ้างแล้ว โดยที่ผ่านมาได้แก้ไขปัญหาตามที่เกษตรกรเรียกร้อง คือ การขอให้กระทรวงพลังงานเพิ่มการผลิตและใช้น้ำมันบี 7 ให้มากขึ้น โดยกระทรวงพลังงานได้ตอบรับและเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว ส่วนกระทรวงพาณิชย์มีแนวทางชัดเจนว่าจะไม่มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศเข้ามา