“ฉัตรแก้ว” รอง ผอ.ขสมก.สุดทน แฉขบวนการทุจริตเหมาซ่อม หลังตรวจพบอะไหล่รถหาย ตั้งแต่ล้อ กล่อง ECU ไดร์สตาร์ท ไดร์ชาร์จ คอมเพรสเซอร์แอร์ ไฟหน้า เพลา สายพาน จนถึงพัดลมหม้อน้ำ งง ตั้ง กก.สอบตามขั้นตอนและอำนาจแต่ถูกรักษาการ ผอ.ขสมก.ยกเลิกขอเอาเรื่องไปทำเอง เชื่อมีขบวนการเอื้อผลประโยชน์เอกชน ทำ ขสมก.เสียหาย
ว่าที่ พ.ต.ฉัตรแก้ว โพธิ์ทองนาค รองผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสำนักบริหารการเดินรถ ฝ่ายการเดินรถองค์การว่า จากการตรวจพื้นที่อู่บางพลี เขตการเดินรถที่ 2 (อู่สวนสยาม) เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2557 ซึ่งได้มีการนำรถ ขสมก.ไปจอดเก็บรักษาไว้ พบว่ามีรถโดยสารปรับอากาศยูโรทูถูกถอดล้อออกทั้งหมด ซึ่ง ผอ.เขตการเดินที่ 2 ได้ชี้แจงว่าเป็นผู้สั่งถอดล้อรถยูโรทูทั้งหมดและนำไปเก็บไว้ที่เขตการเดินรถที่ 2 แต่หลังจากตรวจสอบเพิ่มเติมไม่พบล้อรถยูโรทูที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด ต่อมาวันที่ 17 มีนาคมจึงสั่งการให้ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม และพบว่ารถยูโรทูที่ถูกถอดล้อเป็นรถโดยสารปรับอากาศ ยี่ห้อเบนซ์ จำนวน 27 คัน ภายหลังได้รับมอบคืนจากบริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด มีทรัพย์สินสูญหายจำนวนมาก เช่น กล่อง ECU ควบคุมเครื่องยนต์ กล่องควบคุมระบบเกียร์ ยางล้อหน้า กระทะล้อ ไดร์สตาร์ท ไดร์ชาร์จ คอมเพรสเซอร์แอร์ ไฟหน้าซ้าย-ขวา เพลากลาง เพลาซ้าย-ขวา สายพาน พัดลมหม้อน้ำ เป็นต้น ทั้งนี้ทรัพย์สินทั้งหมดสูญหายระหว่างจอดไม่ได้ใช้งาน
ทั้งนี้ ตนจึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนลงโทษทางวินัยตามระเบียบข้อบังคับองค์การ และหาผู้รับผิดชอบทางแพ่งและดำเนินคดีทางกฎหมายให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน
นอกจากนี้ ในวันที่ 16 มีนาคมยังตรวจสอบพบว่า เขตการเดินรถที่ 1 (อู่บางเขน) ซึ่งมีรถโดยสารประจำทาง สาย 522 ที่ ขสมก.ทำสัญญาการให้บริการเดินรถเชิงคุณภาพ (PBC) กับบริษัท พรีเมี่ยม แมนเนจเม้นท์ จำกัด ไม่ติดป้ายแสดงการเสียภาษีประจำปี แต่มีการนำรถไปออกวิ่งให้บริการ และขาดการต่อสัญญาตั้งแต่ปี 2556 จำนวน 9 คัน ซึ่งเป็นการปฏิบัติไม่ถูกต้องอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อองค์การ ซึ่งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมจึงมีการแต่งตั้งคณะกรรมสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันเช่นกัน
โดยทั้ง 2 กรณีได้เสนอให้ย้ายผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ เพื่อให้การสอบสวนดำเนินการโดยโปร่งใส ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ แต่ปรากฏว่า นายนเรศ บุญเปี่ยม รองฝ่ายบริหาร รักษาการผู้อำนวยการ ขสมก.ได้เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บอร์ด) ขสมก. ที่มีนายสมชัย ศิริวัฒนโชค ปลัดคมนาคมเป็นประธานในการประชุมวันที่ 1 เมษายน 2557 ขอให้ยกเลิกคำสั่งหมด โดยอ้างว่าคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนที่ลงนามโดยรอง ผอ.ขสมก. (ว่าที่พ.ต.ฉัตรแก้ว) นั้น ไม่เป็นไปตามข้อบังคับ พร้อมกับเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนชุดใหม่มาดำเนินการแทน โดยลงนามคำสั่งเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2557
“เรื่องนี้ผมได้ทำหนังสือถึงประธานบอร์ด ขสมก.เพื่อขอเข้าชี้แจงรายละเอียด แต่ได้รับการปฏิเสธ จึงเกิดคำถามมากมายว่า สิ่งที่ผมและพนักงาน ขสมก.ที่มีหน้าที่รับผิดชอบการตรวจสอบองค์การเพื่อรักษาประโยชน์ให้องค์การนั้นมันถูกหรือผิด และถ้าผิดก็อยากรู้ว่า ผิดอย่างไร เพราะก่อนจะออกคำสั่งผมได้ตรวจสอบถึงอำนาจหน้าที่ตามข้อบังคับที่เกี่ยวข้องก่อนลงนามไม่ใช่ทำโดยพลการ และอีก 5 เดือนผมก็จะเกษียณแล้ว ไม่มีมูลเหตุที่จะกลั่นแกล้งใคร คนทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ ขณะนี้ผมกำลังรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่ง ป.ป.ช.ตรวจสอบอีกทาง เพื่อสร้างบรรทัดฐานให้ ขสมก.ก่อนที่จะเสียหายไปมากกว่านี้” ว่าที่ พ.ต.ฉัตรแก้วกล่าว
แหล่งข่าวจาก ขสมก.ระบุว่า ปัญหารถ ขสมก.ชำรุดและการซ่อมบำรุงล่าช้ามีมานานแล้วและกลายเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คุณภาพการให้บริการตกต่ำลงเรื่อยๆ เนื่องจากสภาพรถและจำนวนรถไม่เพียงพอต่อการให้บริการ ประเด็นสำคัญที่พนักงาน ขสมก.ทราบคือ บริษัทเหมาซ่อมไม่สามารถดำเนินการได้ตามสัญญาและมีการร้องเรียนเป็นระยะๆ ซึ่งปัญหาของเขตเดินรถที่ 2 มาจากบริษัทรับเหมาซ่อมเช่นกัน และมีข่าวว่ามีผู้บริหาร ขสมก.เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียในกระบวนการซ่อมบำรุง มีการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเหมาซ่อมเปิดช่องให้ถอดอะไหล่ของรถคันหนึ่งไปใส่รถอีกคัน จนถึงขั้นถอดล้อและอะไหล่ต่างๆ เอาไปขายตามที่มีการตรวจสอบพบในเบื้องต้น และขณะนี้อู่จอดรถ ขสมก.หลายแห่งจึงมีสภาพไม่ต่างจากสุสานรถเมล์ ทั้งที่สภาพรถบางคันดีแต่ออกวิ่งไม่ได้เพราะไม่มีล้อ ไม่มีเพลา ไม่มีแอร์ เป็นต้น