ASTVผู้จัดการรายวัน – สมรภูมิค้าปลีกในจังหวัดนครราชสีมา หรือที่เรียกกันว่า “โคราช” นับจากนี้ไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปีจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากที่ “กลุ่มเดอะมอลล์” เป็นเสมือน “เสือนอนกิน” ในพื้นที่นี้มานานรายเดียวแบบแทบไร้คู่แข่ง
แต่เมื่อสองยักษ์ใหญ่จากทุนส่วนกลางอย่าง “เซ็นทรัล” กับ “สยามรีเทล” ประกาศตัวชัดเจนในการรุกสู่ตลาดนครราชสีมา ด้วยการทุ่มทุนเปิดตัวศูนย์การค้าขนาดใหญ่...สงครามค้าปลีกกลางเมืองโคราชก็อุบัติขึ้นทันที !
ทำไม “โคราช” จึงกลายเป็นสมรภูมิที่ทั้งสองค่ายยักษ์นี้สนใจกระโดดเข้าร่วมสนามรบนี้ด้วย ?
“โคราช” ถือเป็นเกตเวย์ที่สำคัญญของการเดินทางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยฃและยังเป็นจังหวัดที่สามารถเชื่อมต่อกับภูมิภาคแถบนี้และประเทศในกลุ่มเออีซีได้เป็นอย่างดีอีกด้วย รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าผ่านระบบรางกับโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง (หากโครงการนี้ไม่เปลี่ยนแปลง) สายกรุงเทพฯ-นครราชสีมา รถไฟรางคู่มาบกะเบา-นครราชสีมา และทางด่วนมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครราชสีมา
ทั้งนี้ นครราชสีมาถือว่าเป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของไทยซึ่งใหญ่กว่ากรุงทพฯ อีกด้วย โดยมีประชากรในพื้นที่ประมาณ 2.8 ล้านคน มีผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัดประมาณ 202,014 ล้านบาทซึ่งสูงมากและเป็นอันดับหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกด้วย โดยมีรายได้ประชากร 71,405 บาทต่อคนต่อปี การขยายตัวของภาคเศรษฐกิจเฉลี่ย 8% ถือว่าสูงกว่าเฉลี่ยของทั้งประเทศ
การลงทุนในนครราชสีมายังสามารถรองรับกำลังซื้อมหาศาลที่ไม่ใช่แค่คน 2.8 ล้านคนใน “โคราช” อย่างเดียวแน่นอน ยังกินรวมไปถึงจังหวัดอื่นที่อยู่ในรัศมี 120 กิโลเมตร หรือระยะห่างที่ใช้เวลาในการขับรถประมาณ 1 ชั่วโมงกับอีก 3 จังหวัดคือบุรีรัมย์ ชัยภูมิ รวมกว่า 3.4 ล้านคนอีกด้วย ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศก็มีประมาณ 5 ล้านคนต่อปี
ดูจากปัจจัยต่างๆ ของนครราชสีมานี้แล้วก็ไม่น่าแปลกที่ทำไมสองทุนค้าปลีกใหญ่จากส่วนกลางจึงต้องการที่จะรุกชงแชร์ตลาดจากเดอะมอลล์บ้าง
• “เซ็นทรัล” มาช้าแต่น่ากลัว •
ค่าย “เซ็นทรัล” ในนามของ บริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด (มหาชน) จะเป็นหัวหอกหลักในการรุกตลาดครั้งนี้ ถึงขั้นมั่นใจใช้แบรนด์ “เซ็นทรัลพลาซา” เข้าโจมตีเลยทีเดียว
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและบริหารโครงการก่อสร้าง บริษัท เซ็นทรัล จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความมั่นใจกับการรุกตลาดค้าปลีกในโคราชครั้งนี้อย่างมาก โดยจะใช้แบรนด์ “เซ็นทรัลพลาซา” รุกตลาด เพราะจากการศึกษาแล้วพบว่าจังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่ มีประชากรจำนวนมากและมีกำลังซื้อที่สูงด้วย ถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางการค้าและเศรษฐกิจอย่างมาก โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนไทยและยังมีช่องว่างทางการตลาดของค้าปลีกอีกมาก เรามั่นใจถึงขนาดที่ว่าอาจจะมีสาขาที่ 2 ในอนาคตก็ได้เหมือนกับที่เรามีสองสาขาที่เชียงใหม่มาแล้ว
“ซีพีเอ็นจึงตัดสินใจที่จะใช้แบรนด์เซ็นทรัลพลาซาบุกตลาดค้าปลีกที่โคราช แทนที่จะใช้แบรนด์อื่นเช่น เฟสติวัลที่เหมาะกับจังหวัดท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก หรือแม้แต่แบรนด์โรบินสันเอง เพราะโรบินสันก็เหมาะกับจังหวัดระดับกลางมากกว่า” นางสาววัลยา กล่าว
ทั้งนี้ “เซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา” จะเป็นสาขาที่ 4 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลังจากที่ก่อนหน้านั้นมีเปิดบริการแล้วที่ขอนแก่น อุดรธานี และอุบลาชธานี และจะเป็นโครงการสาขาที่ 28 ของบริษัทฯ ด้วย โดยคาดว่าจะสามารถเปิดบริการที่นครราชสีมาได้ภายในปี 2559 โดยจะเริ่มก่อสร้างภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม ศกนี้
สำหรับ “เซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา” ซีพีเอ็นใช้งบลงทุนสูงถึง 7,000 ล้านบาท มีพื้นที่โครงการมากกว่า 52 ไร่ของถนนเส้นบายพาส บนถนนมิตรภาพสายใหม่ เลี่ยงเมืองโคราชซึ่งถือว่าเป็นเส้นซีบีดีแห่งใหม่เลยทีเดียว หรือมีพื้นที่โครงการกว่า 250,000 ตารางเมตร มีร้านค้ามากกว่า 400 ร้านค้า
“เซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา” จะมีรูปแบบและคอนเซ็ปต์เดียวกันกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว จับกลุ่มลูกค้าที่มีความหลากหลาย คาดว่าจะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการประมาณ 50,000-60,000 คนในวันธรรมดา และเพิ่มเป็น 70,000-80,000 คนในวันเสาร์-อาทิตย์ และคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 7 ปี
• “สยามรีเทล” ไม่ทิ้งโอกาส •
ขณะที่อีกกลุ่มทุนหนึ่งคือ บริษัท สยามรีเทล ดีเวลล้อปเม้นท์ จำกัดก็ขึ้นขบวนรถไฟสายค้าปลีกเส้นทางนครราชสีมาด้วยเช่นกัน
บริษัทนี้หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นชื่อมากนัก แต่หากดูจากโครงการที่บริหารแล้วก็พอจะคุ้นเคยกันบ้าง เพราะมีประสบการณ์พัฒนาค้าปลีกในกรุงเทพฯ มาแล้วหลายแห่ง เช่น “เทอร์มินัล 21” บนถนนอโศก ซึ่งถือเป็นโครงการไฮไลต์ของบริษัทนี้ก็ว่าได้ “ศูนย์การค้า แฟชั่นไอส์แลนด์” ถนนรามอินทรา “ศูนย์การค้า เดอะพรอเมนาด”ถนนรามอินทรา และ “ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์” ถนนสาทร
นายประเสริฐ อุฬารพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ วางแผนที่จะพัฒนาศูนย์การค้าขนาดใหญ่ในจังหวัดนครราชสีมาเพื่อเป็นการขยายธุรกิจและสร้างความแข็งแกร่งให้แก่องค์กร รวมทั้งเป็นการรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 อีกด้วย
การรุกสู่นครราชสีมาเป็นหนึ่งในแผนงานการขยายสาขาออกสู่ต่างจังหวัดมากขึ้นของสยามรีเทลฯ หลังจากที่ปักหลักในกรุงเทพฯ มาจนมีความชำนาญแล้ว โดยโครงการที่นครราชสีมานี้คาดว่าจะต้องใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 5,000-6,000 ล้านบาท เป็นโครงการที่มีขนาดพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 50 ไร่ และมีพื้นที่โครงการเฉลี่ย 100,000 ตารางเมตร โดยจะก่อสร้างใจกลางเมืองและใช้ชื่อโครงการว่า “ศูนย์การค้าเทอร์มินัล ทเวนตี้วัน” คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างเดือนพฤษภาคม ศกนี้
นายประเสริฐ กล่าวถึงเหตุผลที่สนใจลงทุนในนครราชสีมาด้วยว่า บริษัทฯ มีแผนการขยายธุรกิจต่องเนื่อง และต่างจังหวัดก็เป็นเป้าหมายสำคัญ โดยในช่วงแรกนี้คงมองไปที่จังหวัดใหญ่ๆ ที่มีศักยภาพก่อน และนครราชสีมาก็เป็นหนึ่งในสามจังหวัดที่เรามอง จากนั้นก็จะมีอีกที่ขอนแก่นและนครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ ที่นนครราชสีมานั้นเป็นจังหวัดใหญ่มีความเจริญรายล้อมและมีองค์ประกอบที่ถือว่าสมบูรณ์ ทั้งทำเลที่ตั้ง ขนาดจังหวัด
“เรามั่นใจว่าเมื่อโครงการเปิดบริการแล้วคงจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชากรในนครราชสีมา เนื่องจากจะเป็นทางเลือกใหม่สำหรับการชอปปิ้งและเราเองก็มีบริการร้านค้าต่างๆ ที่ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ได้มากมายหลายอย่างไม่แพ้ศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ เลย”
สำหรับแผนการลงทุนของ “สยามรีเทลฯ” ในช่วง 6 ปีจากนี้วางแผนจะใช้งบลงทุนรวม 20,000 ล้านบาทเพื่อพัฒนาศูนย์การค้าใหม่อย่างต่ำ 4 แห่งและการปรับปรุงศูนย์เดิม เป็นการเร่งอัตราการขยายตัวอย่างมาก จากเดิมลงทุนเฉลี่ย 3 ปีต่อ 1 โครงการ และมั่นใจว่าเมื่อเปิดครบ 8 ศูนย์ฯ แล้วจะมีรายได้รวมปีละ 8,000 ล้านบาท
นอกจาก 2 โครงการใหม่ที่นครราชสีมาและขอนแก่นแล้ว ยังมีอีกแห่งที่นครศรีธรรมราชที่มีพื้นที่ 41 ไร่ ลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท ยังมองจังหวัดที่มีศักยภาพต่อไปอีกด้วยหลายแห่ง เช่น ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ เป็นต้น
ปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้รวมจาก 4 ศูนย์ฯ ที่เปิดบริการอยู่แล้วประมาณ 3,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 7% และมั่นใจว่าหากสถานการณ์ทางการเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วจะทำให้รายได้รวมของบริษัทฯ กลับมาเติบโตเท่ากับปี 2556 ที่เติบโต 10-13% โดยแยกสัดส่วนรายได้เป็นศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ รายได้ 1,700 ล้านบาท, ศูนย์ไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ รายได้ 120 ล้านบาท, ศูนย์เดอะพรอเมนาด รายได้ 150 ล้านบาท และศูนย์การค้าเทอร์มินัล ทเวนตี้วัน รายได้ 1,000 ล้านบาท
• “เดอะมอลล์” เจ้าถิ่น ปักหลักสู้ !•
เมื่อคู่แข่งที่ไม่ใช่เล็กๆ คืบคลานเข้ามาถึงถิ่นชนิดที่เรียกว่า “เหยียบจมูก” อย่างนี้แล้ว มีหรือที่ “เดอะมอลล์” ในฐานะเจ้าถิ่นจะอยู่เฉยได้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีหรือไม่มีคู่แข่งเข้ามาถึงถิ่น แต่ “เดอะมอลล์” ก็คงต้องปรับตัวปรับโฉมใหม่เพื่อรองรับกับตลาดที่จะมากขึ้นหลังจากการเปิดเออีซีอยู่แล้ว อีกทั้ง “เดอะมอลล์ โคราช” ก็เปิดบริการมานานแล้วด้วย
เมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มผู้บริหารเดอะมอลล์ระดับสูงจำนวนหนึ่งก็เพิ่งเดินทางไปประชุมที่นครราชสีมาเพื่อวางแผนและแนวทางในการปรับปรุงและต้อนรับน้องใหม่อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะแผนการขยายพื้นที่เพื่อให้ใหญ่ขึ้น รองรับร้านค้าใหม่ๆ และผู้บริโภคที่จะเข้าห้างซึ่งมีกระแสว่ามีการเจรจากับเจ้าของที่ดินที่ติดข้าง “เดอะมอลล์” เพื่อขอซื้อ หรือขอเช่าพื้นที่ดังกล่าวเพื่อขยายพื้นที่แต่ยังไม่มีการสรุป คาดว่าจะสามารถสรุปการเจรจาได้ในเร็วๆ นี้เพราะ “เดอะมอลล์” เองก็ต้องการ
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นคาดว่า “เดอะมอลล์” ต้องใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ในการปรับปรุง หรือรีโนเวตครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งกับสาขาที่โคราชนี้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการตกแต่ง การจัดวาง การบริการ
คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า สมรภูมิรบค้าปลีก “โคราช” จะดุเดือดขนาดใหน ในเมื่อเจ้าถิ่นอย่าง “เดอะมอลล์” ก็ยิ่งใหญ่มีเขี้ยวเล็บไม่ธรรมดา ขณะที่ผู้มาเยือนก็ใหญ่ระดับประเทศไม่แพ้กัน
คราวนี้นอกจากการแข่งขันด้านธุรกิจแล้ว ยังมี “ศึกแห่งศักดิ์ศรี” เป็นเดิมพันอีกด้วย !