กฟผ.เตือนทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัด หลังเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเพียงร้อยละ 41 และร้อยละ 45 ตามลำดับ ขณะที่ยังต้องระบายน้ำตลอดช่วงฤดูแล้งอีกเกือบ 1 เดือน
นายณัฐจพนธ์ ภูมิเวียงศรี ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำของเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ตั้งแต่ต้นฤดูแล้งถึงปัจจุบัน (1 พฤศจิกายน 2556-9 เมษายน 2557) มีการระบายน้ำเพื่อการชลประทานไปแล้ว 4,351 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) ซึ่งมากกว่าแผนจัดสรรน้ำเบื้องต้นของเขื่อนทั้งสองตลอดช่วงฤดูแล้งไปแล้ว 1,350 ล้าน ลบ.ม. ทำให้มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องมาจากมีพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังเพิ่มมากกว่าแผนที่ประเมินไว้มาก
ปัจจุบันเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อยอย่างน่าเป็นห่วง โดยเขื่อนภูมิพลมีปริมาตรน้ำร้อยละ 41 ของความจุ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 1,766 ล้าน ลบ.ม. ส่วนเขื่อนสิริกิติ์มีปริมาตรน้ำร้อยละ 45 ของความจุ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 1,427 ล้าน ลบ.ม.
“ปัจจุบันเขื่อนทั้งสองคงเหลือปริมาณน้ำใช้งานได้รวมกัน 3,193 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่ยังต้องระบายน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค และรักษาระบบนิเวศต่อเนื่องจนถึงสิ้นสุดฤดูแล้งที่ยังเหลือระยะเวลาอีกเกือบ 1 เดือน จะทำให้ปริมาณน้ำใช้งานได้ในเขื่อนทั้งสองลดลงต่อเนื่องไปอีก คาดว่า ณ วันที่ 30 เมษายน 2557 จะเหลือปริมาณน้ำใช้งานได้ประมาณ 2,700 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งต่ำกว่าแผนที่ต้องสำรองน้ำไว้ประมาณ 3,000 ล้าน ลบ.ม. ทั้งนี้ หากในช่วงต้นฤดูฝนระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2557 มีปริมาณฝนไม่มาก ก็จะส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำในช่วงฤดูแล้งปีถัดไป ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุด ตามที่กรมชลประทานประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือน เพื่อให้มีปริมาณน้ำสำรองไว้ใช้ในกรณีที่ฤดูฝนปีนี้มาล่าช้ากว่าปกติ” นายณัฐจพนธ์ กล่าว