“สิงห์” เซ็งการเมือง เศรษฐกิจแย่ กระทบแผนไตรมาสแรกกลุ่มนอนแอลกอฮอล์ไม่ขยับ แคมเปญใหญ่เลื่อนระนาว แผนเทกโอเวอร์ไม่สรุป สินค้าใหม่เลื่อนวางตลาด พร้อมรัดเข็มขัดงบตลาด ล่าสุดทุ่ม 80 ล้านบาทปรับโฉม “บีอิ้ง”
นายภูริต ภิรมย์ภักดี กรรมการ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมไตรมาสแรกของกลุ่มสินค้านอนแอลกอฮอลล์ของสิงห์ปี 2557 นี้ ทั้งกลุ่มมีอัตราการเติบโตประมาณ 15% แต่บางตัวก็มีตก เช่น โซดายอดตก 10% บางตัวก็ทรงตัวเช่นน้ำดื่มที่ปีที่แล้วเติบโต 20% เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและปัญหาการเมืองที่เป็นอยู่ ซึ่งคาดว่าในภาพรวมของตลาดก็คงเป็นเหมือนกัน ทำให้บริษัทฯ คงต้องทำการติดตามตลาดอย่างใกล้ชิดและประเมินสภาพตลาดและยอดขายเป็นรายไตรมาสเพื่อปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์
นอกจากนั้น ตามแผนงานเดิมที่วางไว้ว่าจะดำเนินการในช่วงไตรมาสแรกนี้ก็ไม่สามารถทำได้ตามแผนจากปัจจัยลบภายนอก เช่น จัดแคมเปญใหญ่ได้ 1 แคมเปญของน้ำดื่มตราสิงห์ ส่วนที่เหลืออีก 4-5 แคมเปญใหญ่ก็ยังไม่ได้จัด รวมทั้งสินค้าใหม่ที่จะวางตลาดในกลุ่มนอนแอลกอฮอล์ก็ไม่ได้วางตลาดเช่นกัน รวมไปถึงแผนการเทกโอเวอร์สินค้าทั้งกลุ่มสแน็กและเครื่องดื่มก็ยังไม่สามารถสรุปการเจรจาได้
ทั้งนี้ ปีนี้บริษัทฯ ยังคงจะทบทวนแผนการใช้งบตลาดมากขึ้น อาจจะไม่ทุ่มไปมากกับสถานการณ์แบบนี้เพราะจะไม่คุ้ม แต่คงต้องรัดเข็มขัดมากขึ้น โดยงบตลาดเดิมที่วางไว้ปีนี้จะใช้ 1,200 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ใช้ประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่ช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาเรายังใช้ไม่ได้ตามจำนวนที่ตั้งไว้ ซึ่งจากนี้คงจะต้องประเมินการใช้งบตลาดกันละเอียด
ล่าสุดบริษัทฯ ใช้งบประมาณ 80 ล้านบาทในการปรับโฉมเครื่องดื่มสุขภาพ “บีอิ้ง” ที่อยู่ในกลุ่มฟังก์ชันนัลดริงก์ เป็นการปรับครั้งใหญ่หลังจากวางตลาดมาแล้ว 7 ปี ทั้งการปรับให้มีสีสันใหม่ ปรับแพกเกจจิ้ง ปรับโลโก้ ให้มีความทันสมัย ตอกย้ำความเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ตลาดเติบโตดีในเวลานี้ โดยมี 5 รสชาติ คือ คอลลาเจน ขายดีที่สุดมีสัดส่วนกว่า 30% จากรายได้บีอิ้ง, บอดี้ไลน์, อายแคร์, เบเบ้ซูเปอร์ฟรุตส์ และไฟน์ รวมทั้งการปรับกลยุทธ์การตลาด และแต่งตั้ง “คิมแทยอน” น้กร้องนำวงเกิร์ลกรุ๊ป ของเกาหลีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ และเปิดตัวหนังโฆษณาชุดใหม่ด้วย
สำหรับช่องทางจำหน่าย แบ่งเป็นช่องทางร้านสะดวกซื้อ 45% ช่องทางโมเดิร์นเทรด 40% และช่องทางเทรดิชัลนัลเทรด 15%
ทั้งนี้ ตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างดีถึง 42% ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่มาก ด้วยมูลค่าตลาดรวมเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพประมาณ 2,300 ล้านบาท โดยผู้นำตลาดคือ แมนซั่ม มีส่วนแบ่ง 32% อันดับสองคือ บิวตี้ดริ้งค์ มีส่วนแบ่ง 30% และอันดับสามคือ บีอิ้ง มีแชร์ 17% นอกนั้นก็จะมีอีกหลายแบรนด์ในท้องตลาด เช่น อีฟฟรุตตะมิน อะมิโนโอเค และที่เพิ่งรุกตลาดใหม่คือ คาลพิสแลคโต๊ะ อย่างไรก็ตาม คาดว่าปีนี้ตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์จะเติบโตปกติประมาณ 15-20%