ตลาดสถาบันความงาม 20,000 ล้านบาทยังสดใส แบรนด์ใหม่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด หลังพบคุ้มทุนภายใน 1 ปี เหตุสาวไทยพร้อมจ่ายเพื่อความงามแม้เกมการเมืองยังอึมครึม ล่าสุด “เดอะทัช” ทุ่ม 100 ล้านบาทผุด 4 สาขา ชูวันสตอปเซอร์วิส สร้างความแตกต่าง มั่นใจสิ้นปีโกยรายได้ร่วม 500 ล้านบาท
นางสาวพิชชานันท์ ณวัตน์นิธิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะทัช จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจความงามครบวงจร แบรนด์ “เดอะทัช” (The Touch) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจความงามมูลค่า 20,000 ล้านบาท ทั้งปีนี้ไม่สามารถกล่าวได้ว่าจะเติบโตได้มากแค่ไหน เพราะเดอะทัชเป็นแบรนด์น้องใหม่จึงยังไม่ทราบถึงทิศทางการเติบโตมากนัก
แต่เท่าที่สังเกตจากยอดขายใน 4 สาขาที่เปิดมาตั้งแต่ต้นปี พบว่าสูงมากและเติบโตขึ้นทุกเดือน หรือในช่วง 3 เดือนแรกนี้มีรายได้คิดเป็น 30% ของงบการลงทุนแล้ว อีกทั้งยังพบว่าช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมามีแบรนด์ใหม่เปิดตัวแล้วไม่ต่ำกว่า 3-5 แบรนด์ ภาพรวมตลาดจึงน่าจะดีอยู่
“สถาบันความงามเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตของรายได้สูงมากและสามารถคืนทุนได้ค่อนข้างเร็ว เนื่องจากสาวไทยให้ความสำคัญกับความสวยความงาม รูปร่างหน้าตาอยู่ตลอดเวลาแม้จะมีปัญหาการเมืองเกิดขึ้นก็ตามแต่ยังพบว่ายอดการใช้จ่ายยังดีอยู่ ส่งผลให้ธุรกิจความงามจึงมีผู้เล่นแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีไม่ต่ำกว่า 50 แบรนด์ แบรนด์ใหญ่ประมาณ 10 แบรนด์ การแข่งขันจึงหลากหลายและค่อนข้างสูง โปรโมชันส่งเสริมการขายมีบทบาทมากยิ่งขึ้น”
สำหรับ เดอะทัช ถือเป็นแบรนด์น้องใหม่ ปีนี้จะเน้นสร้างแบรนด์เป็นหลัก ภายใต้งบการตลาด 10 ล้านบาท และสร้างความแตกต่างด้วยบริการในรูปแบบของวันสตอปเซอร์วิส โดยมีบริการอยู่ 4 ประเภท คือ 1.ดูแลผิวหน้า 2.ดูแลรูปร่าง ลดสัดส่วน 3.เมกอัพ และ 4.การอบรมเรื่องบุคลิกภาพ โดยเลือก “เอมมี่-มรกต กิตติสาระ” เป็นพรีเซ็นเตอร์สะท้อนภาพลักษณ์แบรนด์ โดยราคาบริการนั้นจะเริ่มตั้งแต่ราคา 1,000 บาทขึ้นไป ขณะที่กลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นกลุ่มบีบวก อายุ 30 ปีขึ้นไป
ส่วนการลงทุนปีแรกใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาทสำหรับเปิดให้บริการเดอะทัช พร้อมกัน 4 สาขาคือ เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, เซ็นทรัล บางนา, เดอะมอลล์ บางแค และฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และภายในไตรมาสหนึ่ง ปี 58 จะเปิดให้ครบ 7 สาขาคือ เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เซ็นทรัล พระราม 2 และเซ็นทรัล บางใหญ่ ส่วนรายได้นั้นถึงสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีรายได้กว่า 500 ล้านบาท
นางสาวพิชชานันท์ ณวัตน์นิธิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะทัช จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจความงามครบวงจร แบรนด์ “เดอะทัช” (The Touch) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจความงามมูลค่า 20,000 ล้านบาท ทั้งปีนี้ไม่สามารถกล่าวได้ว่าจะเติบโตได้มากแค่ไหน เพราะเดอะทัชเป็นแบรนด์น้องใหม่จึงยังไม่ทราบถึงทิศทางการเติบโตมากนัก
แต่เท่าที่สังเกตจากยอดขายใน 4 สาขาที่เปิดมาตั้งแต่ต้นปี พบว่าสูงมากและเติบโตขึ้นทุกเดือน หรือในช่วง 3 เดือนแรกนี้มีรายได้คิดเป็น 30% ของงบการลงทุนแล้ว อีกทั้งยังพบว่าช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมามีแบรนด์ใหม่เปิดตัวแล้วไม่ต่ำกว่า 3-5 แบรนด์ ภาพรวมตลาดจึงน่าจะดีอยู่
“สถาบันความงามเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตของรายได้สูงมากและสามารถคืนทุนได้ค่อนข้างเร็ว เนื่องจากสาวไทยให้ความสำคัญกับความสวยความงาม รูปร่างหน้าตาอยู่ตลอดเวลาแม้จะมีปัญหาการเมืองเกิดขึ้นก็ตามแต่ยังพบว่ายอดการใช้จ่ายยังดีอยู่ ส่งผลให้ธุรกิจความงามจึงมีผู้เล่นแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีไม่ต่ำกว่า 50 แบรนด์ แบรนด์ใหญ่ประมาณ 10 แบรนด์ การแข่งขันจึงหลากหลายและค่อนข้างสูง โปรโมชันส่งเสริมการขายมีบทบาทมากยิ่งขึ้น”
สำหรับ เดอะทัช ถือเป็นแบรนด์น้องใหม่ ปีนี้จะเน้นสร้างแบรนด์เป็นหลัก ภายใต้งบการตลาด 10 ล้านบาท และสร้างความแตกต่างด้วยบริการในรูปแบบของวันสตอปเซอร์วิส โดยมีบริการอยู่ 4 ประเภท คือ 1.ดูแลผิวหน้า 2.ดูแลรูปร่าง ลดสัดส่วน 3.เมกอัพ และ 4.การอบรมเรื่องบุคลิกภาพ โดยเลือก “เอมมี่-มรกต กิตติสาระ” เป็นพรีเซ็นเตอร์สะท้อนภาพลักษณ์แบรนด์ โดยราคาบริการนั้นจะเริ่มตั้งแต่ราคา 1,000 บาทขึ้นไป ขณะที่กลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นกลุ่มบีบวก อายุ 30 ปีขึ้นไป
ส่วนการลงทุนปีแรกใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาทสำหรับเปิดให้บริการเดอะทัช พร้อมกัน 4 สาขาคือ เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, เซ็นทรัล บางนา, เดอะมอลล์ บางแค และฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และภายในไตรมาสหนึ่ง ปี 58 จะเปิดให้ครบ 7 สาขาคือ เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เซ็นทรัล พระราม 2 และเซ็นทรัล บางใหญ่ ส่วนรายได้นั้นถึงสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีรายได้กว่า 500 ล้านบาท