“แมนพาวเวอร์กรุ๊ป” แถลงนโยบายเดินหน้ารับกระแสการเปลี่ยนแปลงในภาคพื้นเอเชีย ชูกลยุทธ์ “Business Intelligence 360 องศา” วางรากฐานความพร้อมในแผนการดำเนินงานแบบครบวงจร เดินหน้าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายด้านแรงงานอย่างเป็นระบบ มองภาพรวมความต้องการที่แท้จริงของตลาดและแรงงานแบบเชิงวิเคราะห์ ตั้งเป้าการเป็นที่ปรึกษาเชิงนวัตกรรมแรงงานในประเทศ คาดผลักดันยอดโตขึ้นอีก 30% ในปี 57 จาก 3,500 ล้านบาทในปี 56
มร.ไซมอน แมททิวส์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย แถบตะวันออกกลางและเวียดนาม “แมนพาวเวอร์กรุ๊ป” กล่าวว่า กระแสการตื่นตัวในด้านแรงงานสาขาอาชีพในปีที่ผ่านมาค่อนข้างมีความตื่นตัวสูง โดยเฉพาะแรงงานระดับปฏิบัติการต้องการความมั่นคงในด้านอาชีพมากขึ้น เนื่องด้วยกระแสการเปิด AEC กำลังใกล้เข้ามาในอีกไม่นาน ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานในประเทศ แรงงานต้องการความมั่นใจจากที่ปรึกษาด้านนวัตกรรมแรงงานอย่าง “แมนพาวเวอร์กรุ๊ป” มากขึ้น ทำให้ในปี 2556 ที่ผ่านมา ผลประกอบการของเราทะยานขึ้นสูงกว่า 3,500 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมากว่าร้อยละ 30 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตอีกประการคือ การวางนโยบายการดำเนินงานที่พร้อมรับมือ วางแผนที่มั่นคงแข็งแรงมากว่า 3 ปีที่ผ่านมา ถึงการเป็นที่ปรึกษาเชิงนวัตกรรมด้านแรงงานแบบครบวงจร
“ทั้งในการจัดหางาน การเชื่อมต่อระหว่างแรงงานกับหน่วยงาน เป็นศูนย์กลางที่ปรึกษาให้กับแรงงาน หน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน จัดวางแหล่งการหางานที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย วางรากฐานความพร้อมให้กับกลุ่มนักศึกษาที่กำลังเข้าสู่ตลาดแรงงาน จัดวางบุคลากรที่มีความพร้อมความสามารถก่อนส่งตัวสู่องค์กรทั้งในและต่างประเทศ ผนวกกับแผนงานนโยบายการนำเทคโนโลยี นวัตกรรมด้านไอทีเข้ามามีบทบาทในการทำงานมากขึ้น เช่น แอปพลิเคชัน การเข้าถึงในสมาร์ทโฟน เว็บไซต์ กลุ่ม Social Network และบริการอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมากที่รองรับความต้องการทั้งหน่วยงาน องค์กร แรงงานทุกระดับที่มีความต้องการให้แมนพาวเวอร์กรุ๊ป มืออาชีพทางด้านนวัตกรรมแรงงานเป็นผู้จัดการดูแล”
มร.ไซมอนกล่าวเพิ่มเติมว่า จากการแบ่งสัดส่วนแรงงานของแมนพาวเวอร์กรุ๊ปร้อยละ 99 เป็นแรงงานที่ทำงานอยู่ในประเทศไทย ส่วนที่เหลือจะเป็นการส่งออกคนไทยไปทำงานต่างประเทศและเป็นคนต่างชาติ ในปีนี้บริษัทจึงมีวิสัยทัศน์เดินหน้าวางนโยบายแบบเชิงรุก ขยายฐานแรงงาน และมองถึงแผนการทำงานแบบก้าวข้ามรับมือกระแสการเปลี่ยนแปลง ทุกภาคส่วนของแมนพาวเวอร์ต้องเดินหน้าพัฒนาอย่างมีแบบแผนมากกว่าที่เดินตามกระแสตลาด ไม่ยึดติดกรอบแบบเดิมๆ ประการสำคัญ ปีนี้เราต้องการชูถึงการนำเข้าและส่งออกแรงงานแบบครบวงจร ซึ่งเรารับใบอนุญาตในการส่งออกแรงงานไปทำงานต่างประเทศได้ถูกต้องตามกฎหมาย ในส่วนของการนำเข้าแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศไทย ซึ่งเราได้ทดลองระยะหนึ่งแล้ว ได้รับผลตอบรับที่ดี เช่น แรงงานด้านไอทีเทคโนโลยี วิศวกร อีกทั้งเรายังตั้งธงพร้อมรบเพื่อรับการเปิด AEC ขยายไปยังอินโดจีน ลาว พม่า ดังนั้น ในปีนี้จึงได้วางแผนบริหารจัดการทั้งกระบวนการภายในและกระบวนการภายนอก พร้อมทั้งลงทุนในระบบ Recruitment System อัจฉริยะที่จะทำให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพทันท่วงที ซึ่งมั่นใจว่าจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีและเป็นจุดแข็งจุดสำคัญที่จะทำให้ “แมนพาวเวอร์กรุ๊ป” เติบโตไปตามเป้าหมายในปีนี้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 อย่างแน่นอน
นายวรรณชัย ไพบูลย์บารมี ผู้อำนวยการด้านการเงินและทรัพยากรบุคคล “แมนพาวเวอร์กรุ๊ป” กล่าวว่า แมนพาวเวอร์กรุ๊ปมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องมาแล้วกว่า 4 ปี จะเห็นได้ว่าผลประกอบการในภาพรวมที่สูงของปี 2556 กว่า 3,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่าร้อยละ 30 ซึ่งในปีนี้เรามองถึงเทรนด์กระแสด้านแรงงานจะตื่นตัวของตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากไตรมาสที่ 1 และ 2 ภาคธุรกิจต่างๆ ภาครัฐมีการทรงตัว แต่เรามั่นใจว่าจะเกิดการปรับเปลี่ยน เพิ่มเติมบุคลากร สร้างฐานการดำเนินงานที่มั่นคงรับมือการปรับเปลี่ยนในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ในปี 2557 และจะลามไปถึงในปี 2558 ที่เห็นได้ชัดคือกลุ่ม ไฮเปอร์มาร์เกต ธุรกิจบริการ กลุ่มภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ต้องเดินหน้าขับเคลื่อนในช่วงปลายปี ผนวกกับ “แมนพาวเวอร์กรุ๊ป” ที่มีการขยายส่วนธุรกิจที่เรียกว่า “Borderless Talent Solutions” หรือ BTS คือการนำเข้า ส่งออกแรงงานที่มีทักษะ โดยโซนที่เรามีเครือข่ายอยู่ เช่น ประเทศญี่ปุ่น จีน และสิงคโปร์ที่เรามีเครือข่าย
แผนงานในภาพรวมของแมนพาวเวอร์กรุ๊ป เราตั้งนโยบายโดยผู้บริหารส่วนกลางวางเครือข่ายให้แข็งแรงขึ้น เตรียมรับมือกับการเคลื่อนย้ายแรงงาน โดยเฉพาะข้อกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อประโยชน์สูงสุดของแรงงานและหน่วยงานที่แมนพาวเวอร์ดูแล การทำงานของเราในวันนี้เปลี่ยนไป คือต้องการเป็นเสมือนที่ปรึกษา เป็นเพื่อน และเป็นหุ้นส่วนกับลูกค้า เพื่อให้แมนพาวเวอร์กรุ๊ปและลูกค้าเดินหน้าไปด้วยกัน ซึ่งการทำงานเราวางทีมในการขับเคลื่อนงานการตลาดอย่างชัดเจนและเป็นระบบ มีกลุ่มธุรกิจที่ทำในด้านองค์กร ฝ่ายจัดหาแรงงานระดับบุคคลปฏิบัติการที่เชี่ยวชาญทางด้านหาแรงงานระดับปฏิบัติการ (แรงงาน) เช่น โรงงานอุตสาหกรรมด้านอิเล็กทรอนิกส์ ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น
“ส่วนที่ 2 จะเป็นแรงงานกึ่งทักษะ เช่น Call Center, IT support, PC, Sale ส่วนที่ 3 จะเป็นแรงงานในระดับ Professional จนถึงระดับบริหาร เราจะมีผู้เชี่ยวชาญในการจัดหา คัดเลือกบุคลากรให้ตรงต่อความต้องการกับหน่วยงาน บริษัทต่างๆ ทั้งในส่วนของพนักงานทั่วไป ผู้บริหารระดับกลาง ผู้บริหารระดับสูง ดังนั้นในวันนี้ Solution ของแมนพาวเวอร์กรุ๊ปถือว่าตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ไม่เพียงแต่วางมาตรฐานการทำงานได้ แต่เรายังเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการประสิทธิภาพของบุคลากร อีกทั้งยังเป็นการลดเรื่องเวลา ค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าได้อีกด้วย” นายวรรณชัยกล่าว
นางสาวสุธิดา กาญจนกันติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด “แมนพาวเวอร์กรุ๊ป” กล่าวว่า ปีนี้เราเดินหน้าตามแผนงานและเป็นผู้นำธุรกิจด้านนวัตกรรมแรงงาน สร้างองค์กรแบบผู้นำเพื่อขับเคลื่อนองค์กรแบบนอกกรอบ วางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด ดังนั้นในปีนี้จึงวางกลยุทธ์ Business Intelligence 360 องศา ดำเนินงานแบบมีประสิทธิภาพ เติมเต็มศักยภาพในภาพรวมแบบครอบคลุมทุกองศา ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าระบบนี้จะเป็นการขับเคลื่อนจากภายในองค์กรสู่ภายนอกองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ และก้าวข้ามผ่านการเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานในปัจจุบัน และในอนาคตซึ่งจะทำให้เรานำพาลูกค้าของเราประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน
ส่วนการดำเนินงานแผนการตลาด เรายังคงวางสัดส่วนในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยใช้กิจกรรมส่งเสริมการบริการแบบเข้าถึงเป็นหลักอยู่ที่ร้อยละ 30 ของงบประมาณการตลาด กิจกรรมการประชาสัมพันธ์อยู่ที่ร้อยละ 20 ของงบประมาณการตลาด และส่วนของการใช้งบโฆษณาอยู่ที่ร้อยละ 30 ของบประมาณการตลาด ไม่เพียงเท่านั้น ปีนี้เรายังเพิ่มส่วนของงบประมาณในการใช้ช่องทาง Social Network อีกกว่าร้อยละ 20 เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครบคลุมมากยิ่งขึ้น
“ในการปรับแผนงาน และต้องการลงลึกถึงปัญหาและความต้องการที่แท้จริงในด้านแรงงานของประเทศไทย เราได้ศึกษาและทำความเข้าใจตลาด ลูกค้าผ่านการทำการสำรวจ วิจัย ศึกษาถึงความต้องการนำมาปรับใช้ในการทำงานของเรา โดยผลการศึกษาวิจัยในปี 2556 ที่ผ่านมาเราศึกษาถึงความต้องการ อัตราค่าจ้างตามกระแสตลาดในภาพรวมถึงเงินเดือนและสวัสดิการ สำหรับกลุ่มที่มีการเติบโตในเรื่องของเงินเดือนและสวัสดิการที่เห็นเด่นชัด ได้แก่ สายงานการเงินและบัญชี, วิศวกร, ไอที, การขนส่งและลอจิสติกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับผู้บริหารระดับกลางขึ้นไปและผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน” นางสาวสุธิดากล่าวสรุป
มร.ไซมอน แมททิวส์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย แถบตะวันออกกลางและเวียดนาม “แมนพาวเวอร์กรุ๊ป” กล่าวว่า กระแสการตื่นตัวในด้านแรงงานสาขาอาชีพในปีที่ผ่านมาค่อนข้างมีความตื่นตัวสูง โดยเฉพาะแรงงานระดับปฏิบัติการต้องการความมั่นคงในด้านอาชีพมากขึ้น เนื่องด้วยกระแสการเปิด AEC กำลังใกล้เข้ามาในอีกไม่นาน ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานในประเทศ แรงงานต้องการความมั่นใจจากที่ปรึกษาด้านนวัตกรรมแรงงานอย่าง “แมนพาวเวอร์กรุ๊ป” มากขึ้น ทำให้ในปี 2556 ที่ผ่านมา ผลประกอบการของเราทะยานขึ้นสูงกว่า 3,500 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมากว่าร้อยละ 30 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตอีกประการคือ การวางนโยบายการดำเนินงานที่พร้อมรับมือ วางแผนที่มั่นคงแข็งแรงมากว่า 3 ปีที่ผ่านมา ถึงการเป็นที่ปรึกษาเชิงนวัตกรรมด้านแรงงานแบบครบวงจร
“ทั้งในการจัดหางาน การเชื่อมต่อระหว่างแรงงานกับหน่วยงาน เป็นศูนย์กลางที่ปรึกษาให้กับแรงงาน หน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน จัดวางแหล่งการหางานที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย วางรากฐานความพร้อมให้กับกลุ่มนักศึกษาที่กำลังเข้าสู่ตลาดแรงงาน จัดวางบุคลากรที่มีความพร้อมความสามารถก่อนส่งตัวสู่องค์กรทั้งในและต่างประเทศ ผนวกกับแผนงานนโยบายการนำเทคโนโลยี นวัตกรรมด้านไอทีเข้ามามีบทบาทในการทำงานมากขึ้น เช่น แอปพลิเคชัน การเข้าถึงในสมาร์ทโฟน เว็บไซต์ กลุ่ม Social Network และบริการอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมากที่รองรับความต้องการทั้งหน่วยงาน องค์กร แรงงานทุกระดับที่มีความต้องการให้แมนพาวเวอร์กรุ๊ป มืออาชีพทางด้านนวัตกรรมแรงงานเป็นผู้จัดการดูแล”
มร.ไซมอนกล่าวเพิ่มเติมว่า จากการแบ่งสัดส่วนแรงงานของแมนพาวเวอร์กรุ๊ปร้อยละ 99 เป็นแรงงานที่ทำงานอยู่ในประเทศไทย ส่วนที่เหลือจะเป็นการส่งออกคนไทยไปทำงานต่างประเทศและเป็นคนต่างชาติ ในปีนี้บริษัทจึงมีวิสัยทัศน์เดินหน้าวางนโยบายแบบเชิงรุก ขยายฐานแรงงาน และมองถึงแผนการทำงานแบบก้าวข้ามรับมือกระแสการเปลี่ยนแปลง ทุกภาคส่วนของแมนพาวเวอร์ต้องเดินหน้าพัฒนาอย่างมีแบบแผนมากกว่าที่เดินตามกระแสตลาด ไม่ยึดติดกรอบแบบเดิมๆ ประการสำคัญ ปีนี้เราต้องการชูถึงการนำเข้าและส่งออกแรงงานแบบครบวงจร ซึ่งเรารับใบอนุญาตในการส่งออกแรงงานไปทำงานต่างประเทศได้ถูกต้องตามกฎหมาย ในส่วนของการนำเข้าแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศไทย ซึ่งเราได้ทดลองระยะหนึ่งแล้ว ได้รับผลตอบรับที่ดี เช่น แรงงานด้านไอทีเทคโนโลยี วิศวกร อีกทั้งเรายังตั้งธงพร้อมรบเพื่อรับการเปิด AEC ขยายไปยังอินโดจีน ลาว พม่า ดังนั้น ในปีนี้จึงได้วางแผนบริหารจัดการทั้งกระบวนการภายในและกระบวนการภายนอก พร้อมทั้งลงทุนในระบบ Recruitment System อัจฉริยะที่จะทำให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพทันท่วงที ซึ่งมั่นใจว่าจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีและเป็นจุดแข็งจุดสำคัญที่จะทำให้ “แมนพาวเวอร์กรุ๊ป” เติบโตไปตามเป้าหมายในปีนี้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 อย่างแน่นอน
นายวรรณชัย ไพบูลย์บารมี ผู้อำนวยการด้านการเงินและทรัพยากรบุคคล “แมนพาวเวอร์กรุ๊ป” กล่าวว่า แมนพาวเวอร์กรุ๊ปมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องมาแล้วกว่า 4 ปี จะเห็นได้ว่าผลประกอบการในภาพรวมที่สูงของปี 2556 กว่า 3,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่าร้อยละ 30 ซึ่งในปีนี้เรามองถึงเทรนด์กระแสด้านแรงงานจะตื่นตัวของตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากไตรมาสที่ 1 และ 2 ภาคธุรกิจต่างๆ ภาครัฐมีการทรงตัว แต่เรามั่นใจว่าจะเกิดการปรับเปลี่ยน เพิ่มเติมบุคลากร สร้างฐานการดำเนินงานที่มั่นคงรับมือการปรับเปลี่ยนในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ในปี 2557 และจะลามไปถึงในปี 2558 ที่เห็นได้ชัดคือกลุ่ม ไฮเปอร์มาร์เกต ธุรกิจบริการ กลุ่มภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ต้องเดินหน้าขับเคลื่อนในช่วงปลายปี ผนวกกับ “แมนพาวเวอร์กรุ๊ป” ที่มีการขยายส่วนธุรกิจที่เรียกว่า “Borderless Talent Solutions” หรือ BTS คือการนำเข้า ส่งออกแรงงานที่มีทักษะ โดยโซนที่เรามีเครือข่ายอยู่ เช่น ประเทศญี่ปุ่น จีน และสิงคโปร์ที่เรามีเครือข่าย
แผนงานในภาพรวมของแมนพาวเวอร์กรุ๊ป เราตั้งนโยบายโดยผู้บริหารส่วนกลางวางเครือข่ายให้แข็งแรงขึ้น เตรียมรับมือกับการเคลื่อนย้ายแรงงาน โดยเฉพาะข้อกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อประโยชน์สูงสุดของแรงงานและหน่วยงานที่แมนพาวเวอร์ดูแล การทำงานของเราในวันนี้เปลี่ยนไป คือต้องการเป็นเสมือนที่ปรึกษา เป็นเพื่อน และเป็นหุ้นส่วนกับลูกค้า เพื่อให้แมนพาวเวอร์กรุ๊ปและลูกค้าเดินหน้าไปด้วยกัน ซึ่งการทำงานเราวางทีมในการขับเคลื่อนงานการตลาดอย่างชัดเจนและเป็นระบบ มีกลุ่มธุรกิจที่ทำในด้านองค์กร ฝ่ายจัดหาแรงงานระดับบุคคลปฏิบัติการที่เชี่ยวชาญทางด้านหาแรงงานระดับปฏิบัติการ (แรงงาน) เช่น โรงงานอุตสาหกรรมด้านอิเล็กทรอนิกส์ ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น
“ส่วนที่ 2 จะเป็นแรงงานกึ่งทักษะ เช่น Call Center, IT support, PC, Sale ส่วนที่ 3 จะเป็นแรงงานในระดับ Professional จนถึงระดับบริหาร เราจะมีผู้เชี่ยวชาญในการจัดหา คัดเลือกบุคลากรให้ตรงต่อความต้องการกับหน่วยงาน บริษัทต่างๆ ทั้งในส่วนของพนักงานทั่วไป ผู้บริหารระดับกลาง ผู้บริหารระดับสูง ดังนั้นในวันนี้ Solution ของแมนพาวเวอร์กรุ๊ปถือว่าตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ไม่เพียงแต่วางมาตรฐานการทำงานได้ แต่เรายังเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการประสิทธิภาพของบุคลากร อีกทั้งยังเป็นการลดเรื่องเวลา ค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าได้อีกด้วย” นายวรรณชัยกล่าว
นางสาวสุธิดา กาญจนกันติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด “แมนพาวเวอร์กรุ๊ป” กล่าวว่า ปีนี้เราเดินหน้าตามแผนงานและเป็นผู้นำธุรกิจด้านนวัตกรรมแรงงาน สร้างองค์กรแบบผู้นำเพื่อขับเคลื่อนองค์กรแบบนอกกรอบ วางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด ดังนั้นในปีนี้จึงวางกลยุทธ์ Business Intelligence 360 องศา ดำเนินงานแบบมีประสิทธิภาพ เติมเต็มศักยภาพในภาพรวมแบบครอบคลุมทุกองศา ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าระบบนี้จะเป็นการขับเคลื่อนจากภายในองค์กรสู่ภายนอกองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ และก้าวข้ามผ่านการเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานในปัจจุบัน และในอนาคตซึ่งจะทำให้เรานำพาลูกค้าของเราประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน
ส่วนการดำเนินงานแผนการตลาด เรายังคงวางสัดส่วนในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยใช้กิจกรรมส่งเสริมการบริการแบบเข้าถึงเป็นหลักอยู่ที่ร้อยละ 30 ของงบประมาณการตลาด กิจกรรมการประชาสัมพันธ์อยู่ที่ร้อยละ 20 ของงบประมาณการตลาด และส่วนของการใช้งบโฆษณาอยู่ที่ร้อยละ 30 ของบประมาณการตลาด ไม่เพียงเท่านั้น ปีนี้เรายังเพิ่มส่วนของงบประมาณในการใช้ช่องทาง Social Network อีกกว่าร้อยละ 20 เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครบคลุมมากยิ่งขึ้น
“ในการปรับแผนงาน และต้องการลงลึกถึงปัญหาและความต้องการที่แท้จริงในด้านแรงงานของประเทศไทย เราได้ศึกษาและทำความเข้าใจตลาด ลูกค้าผ่านการทำการสำรวจ วิจัย ศึกษาถึงความต้องการนำมาปรับใช้ในการทำงานของเรา โดยผลการศึกษาวิจัยในปี 2556 ที่ผ่านมาเราศึกษาถึงความต้องการ อัตราค่าจ้างตามกระแสตลาดในภาพรวมถึงเงินเดือนและสวัสดิการ สำหรับกลุ่มที่มีการเติบโตในเรื่องของเงินเดือนและสวัสดิการที่เห็นเด่นชัด ได้แก่ สายงานการเงินและบัญชี, วิศวกร, ไอที, การขนส่งและลอจิสติกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับผู้บริหารระดับกลางขึ้นไปและผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน” นางสาวสุธิดากล่าวสรุป