ผู้โดยสารชาวจีนเลือดร้อนชกต่อยกันบนเครื่องบินไทย

คลิปวิดีโอที่ถูกแชร์ว่อนเน็ต หลังบันทึกเหตุการณ์ผู้โดยสารชาวจีนทะเลาะชกต่อยกันบนเครื่องบินโดยสารของการบินไทย ซึ่งได้เกิดเหตุการณ์การทะเลาะและเกิดการชกต่อยบนเครื่องบินโดยสาร เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ความยาวประมาณ 1 นาที แสดงให้เห็นเหตุการณ์ผู้โดยสารชาวจีนกำลังทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายกัน ท่ามกลางผู้โดยสารคนอื่นๆ บนเครื่องบิน บางคนถึงกับต้องอุ้มเด็กที่กำลังนอนหลับลุกหนี และแม้จะมีเจ้าหน้าที่ของการบินไทยออกมาห้ามปราม แต่ผู้โดยสารดังกล่าวก็ยังทะเลาะกันไม่เลิก

ทั้งนี้ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ได้อธิบายเหตุการณ์ว่า ผู้โดยสารสายการบินไทยมาจากกรุงเทพฯ เพื่อกลับบ้านที่กรุงปักกิ่ง แต่มีชายจีน 2 คนทะเลาะกันบนเครื่องบินจึงได้รีบคว้าโทรศัพท์มาถ่ายเอาไว้ โดยมีคนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยแต่ก็ปลอดภัยดี

ทั้งนี้ คลิปวิดีโอดังกล่าวมีผู้เข้าสนใจเข้าชมหลายหมื่นครั้ง ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ส่วนซับไตเติลที่ผู้โพสต์เพิ่มเข้ามาเป็นประโยคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์แต่อย่างใด เป็นเพียงคำบรรยายเสียดสีที่เพิ่มอารมณ์ขันให้แก่ผู้ชมคลิป แต่บางคนก็ไม่ได้สนใจคำบรรยายและวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของชาวจีนในคลิปอย่างแพร่หลาย

ต่อมา กัปตันชาตรี พงษ์ศักดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายนิรภัยปฎิบัติการบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปผู้โดยสารชาวจีน ที่เดินทางด้วยสายการบินไทย และตบตีกันบนเครื่องบิน เส้นทางบิน กทม.-ปักกิ่ง เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2557 ที่ผ่านมาว่า ในส่วนมาตรการของสายการบินในการป้องกันความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสารกรณีที่มีเหตุทะเลาะวิวาทขณะเครื่องบินทำการบินนั้น ทุกสายการบินมีอยู่แล้ว ทั้งการเข้าระงับเหตุ การแยกผู้โดยสารคู่กรณีออกจากกัน และหาที่นั่งแยก รวมถึงเมื่อมีเหตุทะเลาะ หรือสร้างความเสียหาย ผู้โดยสารนั้นๆ จะถูกบันทึกรายชื่อขึ้นบัญชีไว้ หากมีการเดินทางครั้งต่อไปร่วมกันอีก ลูกเรือจะดูแลเป็นพิเศษ และแยกคู่กรณีไม่ให้นั่งโดยสารใกล้กัน

โดยในเบื้องต้นรับรายงานว่า เหตุเกิดช่วงที่ผู้โดยสารแถวหลังกำลังรับประทานอาหารอยู่ แต่ผู้โดยสารแถวหน้าอยู่ระหว่างการพักผ่อน ดังนั้นก่อนที่พนักงานต้อนรับจะเสิร์ฟอาหาร ตามหลักปฏิบัติลูกเรือจะแจ้งเตือนผู้โดยสารให้ปรับพนักงานเก้าอี้เพื่อให้สะดวกในการเสิร์ฟอาหาร และรับประทานอาหารกับผู้โดยสาร แต่เมื่อแถวหลังกินไม่สะดวกจึงมีการเขย่าพนักเก้าอี้ด้านหน้าให้ปรับที่นั่ง แต่ผู้โดยสารแถวหน้าที่เกิดเหตุยังยืนยันพักผ่อนและไม่ปรับพนักเก้าอี้ จึงเกิดความไม่พอใจและทะเลาะขึ้น เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสุดวิสัยที่สายการบินไม่คาดคิดมาก่อน