ผู้ผลิตเซรามิกรายกลางและย่อมสุดอั้น เริ่มทยอยแจ้งลูกค้าขยับราคาขึ้น 4-5% มี.ค.นี้หลังแบกรับภาระค่าแรง 300 บาทต่อวัน แถมเจอซ้ำขึ้นแอลพีจีครัวเรือนทยอยเดือนละ 50 สตางค์ต่อ กก.มาแล้ว 6 เดือนไม่ไหว ขณะที่ตลาดในประเทศซบกำลังผลิตตกเหลือ50% เผยผู้ผลิตกว่า 100 รายเจ๊งไปแล้ว
นายวงศ์ชัย ศรีไทย อุปนายกสมาคมเซรามิก จ.ลำปาง เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการเซรามิกขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ส่วนหนึ่งเริ่มทยอยแจ้งลูกค้าเพื่อขอปรับราคาสินค้าขึ้น 4-5% ในเดือน มี.ค.นี้ เนื่องจากที่ผ่านมาต้องรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นต่อเนื่องจากนโยบายการปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนอีก 6 บาทต่อ กก.โดยทยอยขึ้นเดือนละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม (กก.) ตั้งแต่ ก.ย. 56 รวมไปถึงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศ
“การปรับขึ้นแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมรอบแรกรัฐยังผ่อนผันให้ธุรกิจรายเล็กใช้แอลพีจีถัง 48 กิโลกรัมแต่ไม่เกิน 20 ถังราคาเดิมได้ แต่พอปรับราคาแอลพีจีครัวเรือนเราก็กระทบทั้งหมด แต่ช่วงแรกเราเองก็พยายามแบกรับต้นทุนไว้ก่อนซึ่งก็ไม่ไหวแล้วคงต้องขึ้น มี.ค.นี้ และคงจะขึ้นอีกครั้งช่วง ต.ค.เพราะแอลพีจีครัวเรือนยังขึ้นทุกเดือนจนครบ 6 บาทต่อกก.” นายวงศ์ชัยกล่าว
ทั้งนี้ จากต้นทุนที่สูงขึ้น ประกอบกับช่วงนี้เศรษฐกิจภายในประเทศไม่ดีทำให้ยอดขายแทบไม่กระเตื้อง ขณะที่การส่งออกแม้ว่าจะฟื้นตัวเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่เป็นนัยสำคัญว่าจะฟื้นตัวแบบชัดเจนคงต้องติดตามทิศทางอีกครั้งทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากต้องลดกำลังการผลิตลงเหลือเพียง 50% และหากรายใดทนไม่ได้ก็ต้องปิดกิจการไป ซึ่งเฉพาะลำปางนั้นเดิมก่อนหน้ามีโรงงานขนาดกลางและเล็กราว 300 ราย ขณะนี้ปิดกิจการไปเหลือเพียงไม่ถึง 200 รายในปัจจุบัน ส่งผลให้โรงงานหลายแห่งวางแผนที่จะนำเข้าสินค้าจากจีนมาจำหน่ายแทน และทิศทางอาจจะมีมากขึ้นในระยะยาว และบางรายก็พยายามปรับรูปแบบผลิตภัณฑ์เพื่อที่จะเพิ่มมูลค่าสินค้า
นายวงศ์ชัยกล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบการที่ยื่นเสนอต่อรัฐบาลที่จะของบกลางจัดตั้งโรงงานกลางที่เป็นเตาเผาประสิทธิภาพสูงซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงานได้มากถึง 50% เพื่อที่จะให้รายเล็กนำเซรามิกมาเผาที่โรงงานดังกล่าว แต่ข้อเสนอนี้ก็ต้องเงียบไปเนื่องจากรัฐบาลได้ยุบสภาไปก่อนซึ่งก็คงจะต้องรอรัฐบาลใหม่อีกครั้ง
