ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ายังเหนื่อยรับปี 2557 ฮิตาชิต้องอัดงบตลาดเพิ่มสูงสุด 20% เป็น 1,200 ล้านบาท พร้อมปรับไลน์สินค้าใหม่หมดเพื่อกระตุ้นลูกค้า
นายบุญชัย พุทธาโกฐิรัตน์ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ฮิตาชิเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทต้องเพิ่มงบการตลาดรวมทั้งหมดกว่า 20% จากปีที่แล้ว หรือประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามากที่สุดจากปกติจะเพิ่มประมาณ 10-15% เท่านั้น เพื่อนำมาจัดทำกลยุทธ์การตลาด การจัดกิจกรรม อีเวนต์ การส่งเสริมการขายเต็มที่ เป็นการกระตุ้นการซื้อของผู้บริโภค เนื่องจากคาดว่าภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ยังคงดี อีกทั้งปัญหาเรื่องการเมืองส่งผลต่อกำลังซื้อ โดยช่วงครึ่งปีแรกนี้ประเมินตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยรวมไม่น่าที่จะดีเท่าไร
สำหรับในส่วนของฮิตาชินั้นยังมั่นใจว่าด้วยกลยุทธ์และแผนการดำเนินธุรกิจปีนี้จะยังคงมียอดขายรวมบริษัทฯ เติบโต 15-20% ในช่วงครึ่งปีแรกซึ่งมากกว่าตลาดรวมที่คาดว่าจะเติบโตเพียง 5% เท่านั้น ขณะที่ปีที่แล้วตลาดรวมตกลง 15% แต่ของฮิตาชิเติบโต 5% สวนทางกับตลาด โดยปีที่แล้วบริษัทฯ มียอดขายรวม 6,300 ล้านบาท แต่ยอมรับว่าต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อยเพราะปัจจัยลบต่างๆ ทั้งกำลังซื้อ และการเมือง เศรษฐกิจที่ไม่ดี
ทั้งนี้ กลยุทธ์หลักปีนี้คือการออกสินค้าใหม่ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มตู้เย็นที่ปีนี้จะปรับไลน์สินค้ามาเป็นระบบอินเวอร์เตอร์ทั้งหมด ส่วนกลุ่มแอร์ก็จะเน้นระบบสเตนเลสคลีนเป็นตัวบุกตลาด และการเป็นรายแรกที่กล้าการันตีสินค้าด้วยเวลาที่นานขึ้นคือ แอร์คอมเพรสเซอร์อินเวอร์เตอร์ จากเดิม 5 ปีเพิ่มเป็น 10 ปี คอมเพรสเซอรทั่วไปจากเดิม 5 ปี เป็น 7 ปี และแผงคอยล์เย็น จากเดิม 1 ปีเป็น 4 ปี
ล่าสุดปีนี้จะใช้งบตลาด 100 ล้านบาททำตลาดในส่วนแอร์เพื่อพยายามผลักดันขึ้นเป็นผู้นำตลาดให้ได้ หลังจากที่ช่วง 3 ปีมานี้ฮิตาชิมีการเติบโต 2 เท่าตัว และคาดหวังว่าปีนี้แอร์ฮิตาชิจะเติบโต 50%
ขณะที่สินค้าอื่นนั้น ฮิตาชิสามารถก้าวขึ้นเป็นที่ 1 ได้แล้วในหลายส่วน เช่น ตู้เย็น เป็นผู้นำด้านยอดขายรวมตลอด 7 ปี และปีที่แล้วมีแชร์ 23% เป็นผู้นำตลาดทั้งด้านมูลค่าและปริมาณ ซึ่งฮิตาชิเติบโต 10% ขณะที่ตลาดรวมตู้เย็นเติบโต 5% ส่วนเครื่องซักผ้า เป็นผู้นำมาตลอด 11 ปีในกลุ่มของแบรนด์ญี่ปุ่นด้วยกันในแง่ของมูลค่า และล่าสุดมีแชร์ 25% ก้าวขึ้นเป็นผู้นำทั้งยอดขายและปริมาณ จากที่ตลาดรวมตกลง 10-15% เครื่องดูดฝุ่นเป็นผู้นำตลาด 7 ปีแล้ว ส่วนแอร์ยังไม่ได้เป็นผู้นำ ซึ่งตลาดรวมโต 10%
การจะเติบโตได้นั้นมี 2 ทางหลัก คือ 1. สร้างตลาดรวมให้เกิดการเติบโต 2. การแย่งส่วนแบ่งตลาดของแบรนด์อื่น ซึ่งเราเองก็จะทำตลาดเต็มที่ทั้งสองช่องทางผ่านเอเยนต์ที่มีมากกว่า 600-700 ราย ซึ่งฐานลูกค้าเราค่อนข้างกว้างด้วย และเราก็มีสินค้าทุกเซกเมนต์ตอบสนองได้หมด เราเน้นกลุ่มกลางขึ้นสูง
นายบุญชัย พุทธาโกฐิรัตน์ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ฮิตาชิเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทต้องเพิ่มงบการตลาดรวมทั้งหมดกว่า 20% จากปีที่แล้ว หรือประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามากที่สุดจากปกติจะเพิ่มประมาณ 10-15% เท่านั้น เพื่อนำมาจัดทำกลยุทธ์การตลาด การจัดกิจกรรม อีเวนต์ การส่งเสริมการขายเต็มที่ เป็นการกระตุ้นการซื้อของผู้บริโภค เนื่องจากคาดว่าภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ยังคงดี อีกทั้งปัญหาเรื่องการเมืองส่งผลต่อกำลังซื้อ โดยช่วงครึ่งปีแรกนี้ประเมินตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยรวมไม่น่าที่จะดีเท่าไร
สำหรับในส่วนของฮิตาชินั้นยังมั่นใจว่าด้วยกลยุทธ์และแผนการดำเนินธุรกิจปีนี้จะยังคงมียอดขายรวมบริษัทฯ เติบโต 15-20% ในช่วงครึ่งปีแรกซึ่งมากกว่าตลาดรวมที่คาดว่าจะเติบโตเพียง 5% เท่านั้น ขณะที่ปีที่แล้วตลาดรวมตกลง 15% แต่ของฮิตาชิเติบโต 5% สวนทางกับตลาด โดยปีที่แล้วบริษัทฯ มียอดขายรวม 6,300 ล้านบาท แต่ยอมรับว่าต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อยเพราะปัจจัยลบต่างๆ ทั้งกำลังซื้อ และการเมือง เศรษฐกิจที่ไม่ดี
ทั้งนี้ กลยุทธ์หลักปีนี้คือการออกสินค้าใหม่ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มตู้เย็นที่ปีนี้จะปรับไลน์สินค้ามาเป็นระบบอินเวอร์เตอร์ทั้งหมด ส่วนกลุ่มแอร์ก็จะเน้นระบบสเตนเลสคลีนเป็นตัวบุกตลาด และการเป็นรายแรกที่กล้าการันตีสินค้าด้วยเวลาที่นานขึ้นคือ แอร์คอมเพรสเซอร์อินเวอร์เตอร์ จากเดิม 5 ปีเพิ่มเป็น 10 ปี คอมเพรสเซอรทั่วไปจากเดิม 5 ปี เป็น 7 ปี และแผงคอยล์เย็น จากเดิม 1 ปีเป็น 4 ปี
ล่าสุดปีนี้จะใช้งบตลาด 100 ล้านบาททำตลาดในส่วนแอร์เพื่อพยายามผลักดันขึ้นเป็นผู้นำตลาดให้ได้ หลังจากที่ช่วง 3 ปีมานี้ฮิตาชิมีการเติบโต 2 เท่าตัว และคาดหวังว่าปีนี้แอร์ฮิตาชิจะเติบโต 50%
ขณะที่สินค้าอื่นนั้น ฮิตาชิสามารถก้าวขึ้นเป็นที่ 1 ได้แล้วในหลายส่วน เช่น ตู้เย็น เป็นผู้นำด้านยอดขายรวมตลอด 7 ปี และปีที่แล้วมีแชร์ 23% เป็นผู้นำตลาดทั้งด้านมูลค่าและปริมาณ ซึ่งฮิตาชิเติบโต 10% ขณะที่ตลาดรวมตู้เย็นเติบโต 5% ส่วนเครื่องซักผ้า เป็นผู้นำมาตลอด 11 ปีในกลุ่มของแบรนด์ญี่ปุ่นด้วยกันในแง่ของมูลค่า และล่าสุดมีแชร์ 25% ก้าวขึ้นเป็นผู้นำทั้งยอดขายและปริมาณ จากที่ตลาดรวมตกลง 10-15% เครื่องดูดฝุ่นเป็นผู้นำตลาด 7 ปีแล้ว ส่วนแอร์ยังไม่ได้เป็นผู้นำ ซึ่งตลาดรวมโต 10%
การจะเติบโตได้นั้นมี 2 ทางหลัก คือ 1. สร้างตลาดรวมให้เกิดการเติบโต 2. การแย่งส่วนแบ่งตลาดของแบรนด์อื่น ซึ่งเราเองก็จะทำตลาดเต็มที่ทั้งสองช่องทางผ่านเอเยนต์ที่มีมากกว่า 600-700 ราย ซึ่งฐานลูกค้าเราค่อนข้างกว้างด้วย และเราก็มีสินค้าทุกเซกเมนต์ตอบสนองได้หมด เราเน้นกลุ่มกลางขึ้นสูง