ธุรกิจจี้ “ปู” เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เหตุทำ ศก.ป่วนหนักทั้งที่การชุมนุมไร้ผลกระทบ

ภาคธุรกิจจี้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินเร่งด่วน เหตุตัวการฉุดความเชื่อมั่นการค้าและการลงทุนต่อประเทศไทยมากกว่าการชุมนุม ผลพวงการเมืองฉุดแรงซื้อคนไทยดิ่งหนัก ธุรกิจเริ่มรัดเข็มขัดเหตุสต๊อกสินค้าเริ่มบวมขายไม่ออก ผวางานอีเวนต์ที่รอคิวไปไม่รอด

นายสมมาต ขุนเศษฐ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า รัฐบาลควรยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 60 วันเร่งด่วนเพราะได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการค้าและการลงทุนอย่างมาก โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่มีผลต่อเนื่องมายังสินค้าและบริการที่มียอดขายลดต่ำลง ขณะเดียวกันสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่รู้ทิศทางทำให้ประชาชนลดการใช้จ่ายเพื่อเก็บออมเงินไว้เพราะความไม่มั่นใจในอนาคต เช่นเดียวกับภาคธุรกิจที่ต้องรัดเข็มขัดทุกๆ ด้านเพื่อรับมือกับการเมืองที่ยืดเยื้อเพราะขณะนี้แรงซื้อลดทำให้สต๊อกสินค้าเริ่มเพิ่มขึ้นแล้ว

“ตอนที่มีการชุมนุมการท่องเที่ยวไทยก็ยังไม่ได้กระทบอะไร แต่พอรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินกลายเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจทันทีเพราะเขาขาดความเชื่อมั่นว่าเข้ามาแล้วจะปลอดภัย จึงเห็นว่าไม่มีเหตุผลใดที่จะคงไว้ทั้งที่การชุมนุมก็ไม่ได้รุนแรงและการเลือกตั้งก็จบไปแล้ว ซึ่งปัญหาการชุมนุมที่เกิดความรุนแรงตำรวจเองก็ควรทำหน้าที่จับกุมให้ได้ไม่ว่าฝ่ายไหน” นายสมมาตกล่าว

นายชนินทร์ จิตต์โกมุท นายกสมาคมรองเท้าไทย กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 60 วันเร่งด่วน เนื่องจากหลังประกาศได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการค้าและการลงทุนของไทยมาก ทำให้ที่ผ่านมาทั้งการท่องเที่ยวและการเดินทางมาเจรจาธุรกิจของคนต่างชาติยกเลิกไปพอสมควร ซึ่งหากปล่อยไว้นานก็ยิ่งจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของไทยโดยตรง

“เวลานี้แรงซื้อแทบไม่มีเลย ปกติยอดขายรองเท้าส่วนหนึ่งจะได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา รวมถึงการเข้ามาเจรจาซื้อขายโดยตรงก็มีการยกเลิกเดินทางมาไทย พอรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปเพราะกลัวไม่ปลอดภัยทั้งที่ความจริงการชุมนุมทางการเมืองไม่ได้กระทบอะไรคนก็ยังเดินทางมา แต่พอมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินกลับทำแย่ไปเลย” นายชนินทร์กล่าว

ทั้งนี้ ในช่วง มี.ค.เป็นต้นไปจะมีการจัดกิจกรรมพิเศษหรืออีเวนต์เพื่อกระตุ้นยอดขายอุตสาหกรรมแฟชั่นและเฟอร์นิเจอร์หลายงาน เช่น บางกอกเจมส์ งานเฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ แต่หากการเมืองยังยืดเยื้อและการมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็จะส่งผลกระทบอย่างแน่นอน ซึ่งปัจจุบันแรงซื้อก็แย่มากพอแล้ว ดังนั้นจึงต้องการให้รัฐบาลถอยออกมาก้าวหนึ่งเพื่อเปิดทางให้ฝ่ายชุมนุมถอยตามแล้วหาจุดเจรจา เพราะเชื่อว่าท้ายที่สุดทั้งสองฝ่ายคงไม่สามารถจะเดินไปได้แบบสุดโต่งเพราะไม่เช่นนั้นประเทศจะลำบากแน่

นายธนิต โสรัตน์ รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินบั่นทอนความเชื่อมั่นอย่างมาก ทำให้หลายประเทศประกาศเตือนห้ามเดินทางมาเที่ยวไทย ซึ่งการท่องเที่ยวมีส่วนสำคัญต่อการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจอีกภาคหนึ่ง รัฐบาลไม่ควรจะใช้ระยะเวลายาวนานถึง 60 วัน