“อากะ” รุกหนักธุรกิจร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นรอบ 7 ปี ทุ่มงบ 100 ล้านเพิ่ม 3 สาขา พร้อมรีโนเวตมุ่งหน้าสู่กลยุทธ์อะลาการ์ต หรือตามสั่ง คาดสิ้นปีนี้ทยอยเลิกหมด
นายชิตพล วิวัฒนาเกษม กรรมการผู้จัดการกลุ่มแบรนด์ AKA (อากะ) บริษัท เซ็นเรสเตอร์รองโฮลดิ้ง จำกัด ผู้บริหารร้านอาหารยากินิกุปิ้งย่างแบรนด์อากะ เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯ จะลงทุน 100 ล้านบาท ถือเป็นการลงทุนใหญ่สุดในรอบ 7 ปี แบ่งเป็น 80 ล้านบาทขยายสาขาใหม่ 3 แห่ง คือที่เมกะบางนา เดอะมอลล์บางแค และพาซิโอคอมมูนิตี้มอลล์สุขาภิบาล 3 และเป็นงบการตลาดอีก 20 ล้านบาท
ขณะเดียวกันปีนี้บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่ โดยจะปรับตำแหน่งของร้านเป็นอาหารปิ้งย่างญี่ปุ่นระดับพรีเมียมแมส และเน้นการจำหน่ายแบบตามสั่งเป็นชุดหรืออะลาการ์ต และจะค่อยทยอยลดการตลาดแบบบุฟฟเฟต์ลง คาดว่าสิ้นปีนี้จะเลิกการขายแบบบุฟเฟต์ได้หมด เนื่องจากกลยุทธ์บุฟเฟต์นั้นมีการแข่งขันด้านราคาค่อนข้างรุนแรง มีผู้ประกอบการจำนวนมากที่ทำแบบนี้ และรวมทั้งตลาดยากินิกุปิ้งย่างระดับพรีเมียมแมสนี้ยังมีช่องว่าง และมีแนวโน้มเติบโตสูงด้วย ซึ่งเซกเมนต์พรีเมียมแมสนี้ประมาณ 20% ของตลาดยากินิกุรวม 4,200 ล้านบาท ส่วนตลาดระดับบนมีประมาณ 5% ขณะที่อีก 60-70% นั้นเป็นระดับแมส และที่เหลือเป็นทั่วไป
ทั้งนี้ คาดว่าภายในปีนี้น่าจะปรับโฉมร้านเป็นแบบอะลาการ์ตหรือตามสั่งได้ทั้งหมด 11 สาขาที่มีอยู่ในเวลานี้ และปีนี้ก็จะเน้นการออกโปรโมชันชุดต่างๆ ให้มีความหลากหลาย ล่าสุดเปิดตัว ยากินิคุเซต มีตั้งแต่ราคา 590 บาท 690 บาท และ 790 บาท โดยเฉลี่ยลูกค้าเข้าร้านมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 380-600 บาทต่อคน บริษัทฯ มั่นใจว่าปีนี้จะมีรายได้รวมประมาณ 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากปี 2556 มีรายได้ 450 ล้านบาท เติบโต 10% จากปี 2555 ซึ่งปีที่แล้วไม่ได้ลงทุนเพิ่มสาขา แต่ลงทุนประมาณ 50 ล้านบาทเพื่อสร้างแบ็กออฟฟิศและครัวกลาง ตลอดจนการเตรียมบุคลากรให้สามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจได้
ปีนี้มั่นใจว่าตลาดรวมปิ้งย่างจะมีมูลค่า 5,000 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีที่แล้วที่มีมูลค่า 4,200 ล้านบาท เติบโต 30% จากปี 2555 แบ่งเป็นสัดส่วนตลาดประเภทบุฟเฟต์ 70% และแบบอะลาการ์ตหรือตามสั่ง 30% โดยที่ปัจจุบันอากะมีแชร์ในตลาดประเภทปิ้งย่าง 10%
นายชิตพล วิวัฒนาเกษม กรรมการผู้จัดการกลุ่มแบรนด์ AKA (อากะ) บริษัท เซ็นเรสเตอร์รองโฮลดิ้ง จำกัด ผู้บริหารร้านอาหารยากินิกุปิ้งย่างแบรนด์อากะ เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯ จะลงทุน 100 ล้านบาท ถือเป็นการลงทุนใหญ่สุดในรอบ 7 ปี แบ่งเป็น 80 ล้านบาทขยายสาขาใหม่ 3 แห่ง คือที่เมกะบางนา เดอะมอลล์บางแค และพาซิโอคอมมูนิตี้มอลล์สุขาภิบาล 3 และเป็นงบการตลาดอีก 20 ล้านบาท
ขณะเดียวกันปีนี้บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่ โดยจะปรับตำแหน่งของร้านเป็นอาหารปิ้งย่างญี่ปุ่นระดับพรีเมียมแมส และเน้นการจำหน่ายแบบตามสั่งเป็นชุดหรืออะลาการ์ต และจะค่อยทยอยลดการตลาดแบบบุฟฟเฟต์ลง คาดว่าสิ้นปีนี้จะเลิกการขายแบบบุฟเฟต์ได้หมด เนื่องจากกลยุทธ์บุฟเฟต์นั้นมีการแข่งขันด้านราคาค่อนข้างรุนแรง มีผู้ประกอบการจำนวนมากที่ทำแบบนี้ และรวมทั้งตลาดยากินิกุปิ้งย่างระดับพรีเมียมแมสนี้ยังมีช่องว่าง และมีแนวโน้มเติบโตสูงด้วย ซึ่งเซกเมนต์พรีเมียมแมสนี้ประมาณ 20% ของตลาดยากินิกุรวม 4,200 ล้านบาท ส่วนตลาดระดับบนมีประมาณ 5% ขณะที่อีก 60-70% นั้นเป็นระดับแมส และที่เหลือเป็นทั่วไป
ทั้งนี้ คาดว่าภายในปีนี้น่าจะปรับโฉมร้านเป็นแบบอะลาการ์ตหรือตามสั่งได้ทั้งหมด 11 สาขาที่มีอยู่ในเวลานี้ และปีนี้ก็จะเน้นการออกโปรโมชันชุดต่างๆ ให้มีความหลากหลาย ล่าสุดเปิดตัว ยากินิคุเซต มีตั้งแต่ราคา 590 บาท 690 บาท และ 790 บาท โดยเฉลี่ยลูกค้าเข้าร้านมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 380-600 บาทต่อคน บริษัทฯ มั่นใจว่าปีนี้จะมีรายได้รวมประมาณ 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากปี 2556 มีรายได้ 450 ล้านบาท เติบโต 10% จากปี 2555 ซึ่งปีที่แล้วไม่ได้ลงทุนเพิ่มสาขา แต่ลงทุนประมาณ 50 ล้านบาทเพื่อสร้างแบ็กออฟฟิศและครัวกลาง ตลอดจนการเตรียมบุคลากรให้สามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจได้
ปีนี้มั่นใจว่าตลาดรวมปิ้งย่างจะมีมูลค่า 5,000 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีที่แล้วที่มีมูลค่า 4,200 ล้านบาท เติบโต 30% จากปี 2555 แบ่งเป็นสัดส่วนตลาดประเภทบุฟเฟต์ 70% และแบบอะลาการ์ตหรือตามสั่ง 30% โดยที่ปัจจุบันอากะมีแชร์ในตลาดประเภทปิ้งย่าง 10%