รัฐหาแผนสำรองใช้กองทุนน้ำมันฯ อุ้มกรณีต่ออายุลดภาษีฯ ดีเซลไม่ได้

คลังถกพลังงานหาช่อง กม.ใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ รับภาระไปก่อนหากถึงที่สุดไม่สามารถตรึงภาษีฯ ดีเซลต่อไปได้อีก ขณะที่ ก.พลังงานยอมรับฐานะกองทุนฯ ขณะนี้เหลือใช้เพียง 10 วัน ถ้าต้องมาดูแลเรื่องภาษีฯ ดีเซลต้องควักเพิ่มอีกวันละ 300 ล้านบาท

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) เปิดเผยว่า ผู้แทนจากคลังใน กบง.ได้หารือถึงมาตรการรองรับการต่ออายุลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 5 บาทต่อลิตร ซึ่งมีข้อเสนอว่าหากต่ออายุไม่ได้อาจจะใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมารับภาระไปก่อนได้หรือไม่เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน ที่ประชุมจึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูช่องทางกฎหมายว่าทำได้หรือไม่ ขณะเดียวกัน วันนี้ (24 ธ.ค.) กระทรวงการคลังจะเสนอที่ประชุม ครม.ให้พิจารณาเรื่องการต่ออายุการลดภาษีฯ ดีเซลเพื่อทำคู่ขนานไปกับการรอมติของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าจะวินิจฉัยให้ ครม.รักษาการมีอำนาจในการต่ออายุมาตรการลดภาษีฯ ดีเซลหรือไม่

นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวหลังประชุม กบง.ว่า ขณะนี้กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิเหลือเพียง 1,706 ล้านบาท ซึ่งล่าสุด กบง.วันนี้ยังได้อนุมัติเพิ่มอัตราชดเชยกองทุนฯ สำหรับดีเซลเป็น 70 สตางค์ต่อลิตร จากเดิมชดเชยเพียง 10 สตางค์ต่อลิตร ส่งผลให้มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 165 ล้านบาทต่อวันซึ่งจะทำให้เงินกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะติดลบภายใน 10 วันหากยังชดเชยในอัตราดังกล่าว โดยขณะนี้กองทุนฯ เตรียมจะกู้เงินจากธนาคารกรุงไทยและออมสินตามกรอบเดิมที่มีสัญญากู้เงินที่ดำเนินงานตามมติ ครม.เดิม 3 หมื่นล้านบาทไว้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ภาษีฯ ดีเซลจะมีการปรับขึ้นหรือไม่คงจะต้องรอด้านนโยบายและมาตรการกระทรวงการคลังโดยรวม เพราะหากจะมาใช้เงินกองทุนน้ำมันก็จะสร้างปัญหาต่อกองทุนน้ำมันฯ เพิ่มเติมอีก โดยปัจจุบันไทยใช้ดีเซลวันละ 55 ล้านลิตร หากต้องอุดหนุนภาษีฯ ดีเซลเพิ่มอีกก็จะทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่าย 300 ล้านบาทต่อวันหรือเดือนละ 9,000 ล้านบาท ขณะที่หากกองทุนฯ จะต้องชดเชยราคาดีเซลอัตราลิตรละ 70 สตางค์ต่อเนื่องก็ต้องใช้เงินอุดหนุนอีก 5,000 ล้านบาทต่อเดือน