“พาณิชย์” จี้ กกต.เร่งพิจารณาขายข้าวรัฐล็อตใหม่ได้หรือไม่ หวั่นล่าช้ากระทบการเจรจาขายจีทูจีสัญญาใหม่ที่กำลังดำเนินการอยู่กับหลายประเทศ และกระทบแผนคืนเงินคลังจนทำให้เกษตรกรเดือดร้อน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้ส่งหนังสือไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อสอบถามว่ากระทรวงพาณิชย์จะยังสามารถอนุมัติการขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลได้อีกหรือไม่ แม้ว่ารัฐบาลชุดนี้จะได้อนุมัติกรอบการขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลไว้ 5 แนวทาง คือ การเปิดประมูลเป็นการทั่วไป การเปิดประมูลในตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (เอเฟต) การขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) การขายให้หน่วยราชการต่างๆ และการบริจาคไว้แล้ว แต่หลังจากยุบสภา และเป็นรัฐบาลรักษาการจะสามารถอนุมัติการขายข้าว โดยเฉพาะสัญญาใหม่ได้หรือไม่อย่างไร
“กระทรวงพาณิชย์ต้องการให้ กกต.พิจารณาอย่างรวดเร็ว เพราะหากล่าช้าจะทำให้การเจรจาการขายข้าวแบบจีทูจีที่กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างดำเนินการกับหลายประเทศ เช่น อิรัก อิหร่าน ฟิลิปปินส์ ต้องหยุดชะงักลง โดยเฉพาะกับอินโดนีเซียที่กำลังจะปิดการเจรจา และจะทำสัญญาซื้อขายระหว่างกันได้แล้ว”
อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสอบถามไปยัง กกต.ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน โดย กกต.อ้างว่าข้อมูลที่กระทรวงพาณิชย์สอบถามไปนั้นยังไม่เพียงพอที่จะพิจารณาได้ จึงต้องขอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณา แต่จนถึงขณะนี้ กกต.ยังไม่ได้แจ้งขอข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์มาอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ หาก กกต.พิจารณาล่าช้าจะทำให้กระทรวงพาณิชย์เสียหาย เพราะข้าวที่อยู่ระหว่างการเจรจาขายก็จะชะงักไปด้วย โดยเฉพาะในส่วนของการขายจีทูจีที่มีหลายประเทศติดต่อเข้ามา และจะกระทบถึงแผนการคืนเงินให้กระทรวงการคลังเพื่อใช้หมุนเวียนในโครงการรับจำนำข้าวด้วย ซึ่งจะทำให้เกษตรกรเดือดร้อนจากการได้เงินค่าจำนำข้าวล่าช้าออกไปอีก โดยตั้งแต่เดือน ต.ค. 2554-พ.ย. 2556 กระทรวงพาณิชย์ได้คืนเงินจากการขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลให้กระทรวงการคลังแล้วกว่า 170,000 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้เป็นเงินจากการขายข้าวในปี 2556 มากกว่า 130,000 ล้านบาท