กลุ่มอุตฯ ยานยนต์ ส.อ.ท.ยอมรับรถยนต์คันแรกคาดถูกคืนใบจอง 1.32 แสนคัน เหตุหันไปซื้อรถปกติได้สิทธิประโยชน์มากกว่าโดยเฉพาะในงานมหกรรมยานยนต์ คาดค่ายรถจะกระตุ้นยอดขายต่อเนื่องไปจนถึงต้นปี 2557 ผลพวงรถคนแรกสิ้นฤทธิ์ฉุดยอดผลิต พ.ย.ดิ่งสุดในรอบ 7 เดือน
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า คาดว่าปีนี้ยอดจองรถยนต์คันแรกที่จะค้างรับจะอยู่ในระดับ 1.32 แสนคัน โดยล่าสุดเมื่อ 18 พ.ย. 56 มีผู้จองไม่มารับรถ 1.32 แสนคัน และเมื่อสอบถามตัวแทนจำหน่ายรถยนต์หรือดีลเลอร์พบว่าจำนวนดังกล่าวมีลูกค้าได้คืนใบจองเกือบทั้งหมดแล้ว โดยก่อนหน้านี้ช่วง 1-2 เดือนมียอดค้างอยู่ในระดับ 1.4-1.5 แสนคันถือว่าประชาชนส่วนหนึ่งก็ได้มารับรถไปราว 2 หมื่นคัน ซึ่งสาเหตุสำคัญช่วงสิ้นปีนี้มีงานมหกรรมยานยนต์ที่ค่ายรถจัดแคมเปญกระตุ้นตลาดที่ให้สิทธิประโยชน์มากกว่ารถคันแรก และคาดว่าสิทธิประโยน์ดังกล่าวค่ายรถจะยังคงใช้ต่อเนื่องถึงต้นปี 2557
“คิดว่าค่ายรถยนต์จะจัดโปรโมชันกระตุ้นตลาดไปจนถึงต้นปีหน้าและกลางปีก็คงหมดลงเนื่องจากหากพิจารณาสต๊อกรถยนต์ในประเทศขณะนี้เหลือเพียง 6 หมื่นคันเท่านั้น เพราะสามารถเพิ่มการส่งออกได้ซึ่งต่างจากช่วงที่ผ่านมาที่สต๊อกเหลือเป็นแสนคัน” นายสุรพงษ์กล่าว
สำหรับการผลิต ยอดขายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และจักรยานยนต์ของประเทศเดือนพฤศจิกายน 2556 พบว่า จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ทั้งหมดในเดือน พ.ย.มีทั้งสิ้น 182,818 คันต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ขณะที่การผลิต 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) มีทั้งสิ้น 2,298,193 คันเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.95% โดยคงจะต้องลุ้นตัวเลขการผลิตในเดือน ธ.ค.ที่จะต้องได้ในระดับ 2 แสนคันจึงจะอยู่ที่ระดับ 2.5 ล้านคัน แต่เป้าหมายที่ระดับ 2.55 ล้านคันคงไม่ถึงแน่นอน
“เดือน พ.ย.การผลิตรถยนต์ต่ำเนื่องจากยอดขายในประเทศของเดือนนี้อยู่เพียง 93,123 คันลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 37.2% ซึ่งสาเหตุหนึ่งเกิดจากการหมดโครงการรถคันแรก และอีกส่วนรอซื้อในงานมหกรรมยานยนต์ คงจะต้องดในเดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งทั้งปียอดขายในประเทศคงทำได้ในระดับ 1.3 ล้านคัน ส่วนปีหน้ายอดขายในประเทศก็น่าจะต่ำ 1.3 ล้านคัน ส่วนส่งออกจะอยู่ที่ 1.25 ล้านคัน” นายสุรพงษ์กล่าว
ทั้งนี้ การผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศรอบ 11 เดือนอยู่ที่ 1,258,219 คันหรือคิดเป็น 54.75% ขณะที่การผลิตเพื่อส่งออก 11 เดือนได้ที่ 1,039,974 คันหรือคิดเป็น 45.25%ของยอดการผลิตทั้งหมด และเพิ่มขึ้นจากปี 2555 ในช่วงเดียวกัน 10.48%