การเมืองดับตลาดภาพยนตร์ไทย จากที่คาดการณ์ว่าจะโต 10-20% ทำได้แค่ทรงตัวอยู่ที่ 1,100 ล้านบาท โดยเฉพาะไตรมาสสี่หงอยสุด คนไทยหมดมู้ดดูหนัง ขณะที่หนังเทศยังไปได้สวย ทะลุ 100 ล้านบาทหลายเรื่อง ส่งทั้งปีอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทำได้ 4,000 ล้านบาทเท่าปีก่อน “จีทีเอช” เดินหมากเดิม ปีหน้าผลิตหนัง 3 เรื่อง เน้นเคเบิลทีวีมากขึ้น อิงดิจิตอลทีวี เตรียมเพิ่มกำลังคนสู่ธุรกิจรับจ้างผลิตเพิ่ม
นายวิสูตร พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จี เอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด หรือจีทีเอช เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ปีนี้มองว่าจะอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยกลุ่มภาพยนตร์ไทยปีนี้จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะโตขึ้น 10-20% ทั้งปีน่าจะทำได้ 1,100 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน คิดเป็นสัดส่วน 30-32% ของอุตสาหกรรมภาพยนตร์โดยรวม เนื่องจากเลื่อนฉายตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชออกไปเป็นปีหน้า ซึ่งถือเป็นภาพยนตร์ไทยที่คาดว่าจะทำเงินได้มากในช่วงปลายปีนี้
ขณะเดียวกัน ปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นส่งผลให้คนไทยไม่มีอารมณ์ดูหนัง หรืออาจจะหันไปชมหนังเทศมากกว่าในราคาตั๋วเข้าชมที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งทั้งปีนี้มีภาพยนตร์ไทยเข้าฉายทั้งหมดราว 34 เรื่อง จากปีก่อนอยู่ที่ 50 เรื่อง ส่วนในปีหน้าคาดว่าทิศทางภาพยนตร์ไทยจะใกล้เคียงกับปีนี้ทั้งในแง่มูลค่าและจำนวนหนังเข้าฉาย
สำหรับกลุ่มภาพยนตร์ต่างประเทศนั้น ปีนี้ยังไปได้ดีอยู่ มีภาพยนตร์ทำเงินหลายเรื่อง โดยเฉพาะในไตรมาสสี่มีหลายเรื่องที่ทำได้เกิน 100 ล้านบาท เช่น Thor2, The Hunger Games2, รวมถึง The Hobbit2 ที่กำลังเข้าฉาย เชื่อว่าจะทำรายได้เกิน 100 ล้านบาทเช่นกัน ถึงแม้จะอยู่ในช่วงที่การเมืองยังรุนแรงก็ตาม ทำให้ภาพรวมตลาดภาพยนตร์ต่างประเทศมีอัตราการเติบโตดีอยู่
ส่วนในปีหน้านั้น เดิมมองไว้ว่าน่าจะโตมาก แต่เนื่องจากมีอีเวนต์กีฬาใหญ่อย่าง บอลโลกเข้ามา ทำให้รายชื่อภาพยนตร์ต่างประเทศสู้ปีถัดไป คือปี 2558 ไม่ได้ แต่โดยรวมแล้วปีหน้าภาพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั้งหมดคาดว่าจะเติบโตได้ถึง 10-20% ส่วนในปี 2558 นั้นน่าจะโตได้ถึง 30-50% เพราะมีรายชื่อหนังฟอร์มยักษ์เตรียมเข้าฉายหลายเรื่อง เช่น อวตาร 2, แอดเวนเจอร์ 2 และทรานส์ฟอร์เมอร์ 4 รวมถึงตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นต้น
นายวิสูตรกล่าวต่อว่า ในส่วนของจีทีเอช ปัจจุบันแบ่งรายได้มาจาก 4 กลุ่มธุรกิจ คือ 1.ภาพยนตร์ โดยปีหน้าพร้อมทุ่มงบราว 90 ล้านบาทสำหรับผลิตภาพยนตร์ 3 เรื่อง เช่น คิดถึงวิทยา, The Swimmer และหนังตลกอีก 1 เรื่อง 2. โฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ กับวีซีดี, ดีวีดี, ออนไลน์ 3. เคเบิล กับช่องจีทีเอช ออนแอร์ และ 4.ฟรีทีวี โดยรายได้หลักมาจากภาพยนตร์ ตามด้วยโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ เคเบิลทีวี และฟรีทีวี ตามลำดับ ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะปิดรายได้ที่ 1,100 ล้านบาท จากปีก่อนทำไว้ 600 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นรายได้ที่สูงมาก เนื่องจากปีนี้ภาพยนตร์เรื่อง พี่มากพระโขนง ทำเงินสูงถึง 600 ล้านบาท ส่วนปีหน้ายังไม่สามารถประเมินตัวเลขได้
อย่างไรก็ตาม ปีหน้าจะให้ความสำคัญต่อธุรกิจเคเบิลทีวีมากขึ้น โดยจะมีการรอดูสถานการณ์ของการเกิดดิจิตอลทีวีเป็นสำคัญ เชื่อว่าจะเป็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจสู่ธุรกิจการรับจ้างผลิตได้อีกส่วนหนึ่ง ขณะเดียวกัน ในส่วนของจีทีเอช ชอป ซึ่งเป็นร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าเมอร์ชันไดซ์ของจีทีเอช ปีหน้าคาดว่าจะขยายเพิ่มอีก 1-2 แห่ง เช่น ที่มาย่า เชียงใหม่ จากปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 3 สาขา พบว่าสร้างรายได้ให้กลุ่มภาพยนตร์ถึง 10%
นายวิสูตร พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จี เอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด หรือจีทีเอช เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ปีนี้มองว่าจะอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยกลุ่มภาพยนตร์ไทยปีนี้จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะโตขึ้น 10-20% ทั้งปีน่าจะทำได้ 1,100 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน คิดเป็นสัดส่วน 30-32% ของอุตสาหกรรมภาพยนตร์โดยรวม เนื่องจากเลื่อนฉายตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชออกไปเป็นปีหน้า ซึ่งถือเป็นภาพยนตร์ไทยที่คาดว่าจะทำเงินได้มากในช่วงปลายปีนี้
ขณะเดียวกัน ปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นส่งผลให้คนไทยไม่มีอารมณ์ดูหนัง หรืออาจจะหันไปชมหนังเทศมากกว่าในราคาตั๋วเข้าชมที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งทั้งปีนี้มีภาพยนตร์ไทยเข้าฉายทั้งหมดราว 34 เรื่อง จากปีก่อนอยู่ที่ 50 เรื่อง ส่วนในปีหน้าคาดว่าทิศทางภาพยนตร์ไทยจะใกล้เคียงกับปีนี้ทั้งในแง่มูลค่าและจำนวนหนังเข้าฉาย
สำหรับกลุ่มภาพยนตร์ต่างประเทศนั้น ปีนี้ยังไปได้ดีอยู่ มีภาพยนตร์ทำเงินหลายเรื่อง โดยเฉพาะในไตรมาสสี่มีหลายเรื่องที่ทำได้เกิน 100 ล้านบาท เช่น Thor2, The Hunger Games2, รวมถึง The Hobbit2 ที่กำลังเข้าฉาย เชื่อว่าจะทำรายได้เกิน 100 ล้านบาทเช่นกัน ถึงแม้จะอยู่ในช่วงที่การเมืองยังรุนแรงก็ตาม ทำให้ภาพรวมตลาดภาพยนตร์ต่างประเทศมีอัตราการเติบโตดีอยู่
ส่วนในปีหน้านั้น เดิมมองไว้ว่าน่าจะโตมาก แต่เนื่องจากมีอีเวนต์กีฬาใหญ่อย่าง บอลโลกเข้ามา ทำให้รายชื่อภาพยนตร์ต่างประเทศสู้ปีถัดไป คือปี 2558 ไม่ได้ แต่โดยรวมแล้วปีหน้าภาพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั้งหมดคาดว่าจะเติบโตได้ถึง 10-20% ส่วนในปี 2558 นั้นน่าจะโตได้ถึง 30-50% เพราะมีรายชื่อหนังฟอร์มยักษ์เตรียมเข้าฉายหลายเรื่อง เช่น อวตาร 2, แอดเวนเจอร์ 2 และทรานส์ฟอร์เมอร์ 4 รวมถึงตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นต้น
นายวิสูตรกล่าวต่อว่า ในส่วนของจีทีเอช ปัจจุบันแบ่งรายได้มาจาก 4 กลุ่มธุรกิจ คือ 1.ภาพยนตร์ โดยปีหน้าพร้อมทุ่มงบราว 90 ล้านบาทสำหรับผลิตภาพยนตร์ 3 เรื่อง เช่น คิดถึงวิทยา, The Swimmer และหนังตลกอีก 1 เรื่อง 2. โฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ กับวีซีดี, ดีวีดี, ออนไลน์ 3. เคเบิล กับช่องจีทีเอช ออนแอร์ และ 4.ฟรีทีวี โดยรายได้หลักมาจากภาพยนตร์ ตามด้วยโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ เคเบิลทีวี และฟรีทีวี ตามลำดับ ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะปิดรายได้ที่ 1,100 ล้านบาท จากปีก่อนทำไว้ 600 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นรายได้ที่สูงมาก เนื่องจากปีนี้ภาพยนตร์เรื่อง พี่มากพระโขนง ทำเงินสูงถึง 600 ล้านบาท ส่วนปีหน้ายังไม่สามารถประเมินตัวเลขได้
อย่างไรก็ตาม ปีหน้าจะให้ความสำคัญต่อธุรกิจเคเบิลทีวีมากขึ้น โดยจะมีการรอดูสถานการณ์ของการเกิดดิจิตอลทีวีเป็นสำคัญ เชื่อว่าจะเป็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจสู่ธุรกิจการรับจ้างผลิตได้อีกส่วนหนึ่ง ขณะเดียวกัน ในส่วนของจีทีเอช ชอป ซึ่งเป็นร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าเมอร์ชันไดซ์ของจีทีเอช ปีหน้าคาดว่าจะขยายเพิ่มอีก 1-2 แห่ง เช่น ที่มาย่า เชียงใหม่ จากปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 3 สาขา พบว่าสร้างรายได้ให้กลุ่มภาพยนตร์ถึง 10%