กระทรวงพลังงานลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมระหว่างรัฐบาลเพื่อจัดตั้งศูนย์ประสานงานการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างประเทศสมาชิกในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน จับตาประชุมที่เวียดนาม 16 ธ.ค.นี้ ไทยเสนอชิงดำกับจีน และ สปป.ลาว เพื่อขอเป็นศูนย์ประสานงาน
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างรัฐบาลต่อการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างประเทศสมาชิกในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 6 ประเทศ (GMS) หลังจากรัฐสภาไทยเห็นชอบให้ลงนามตามมาตรา 190 แล้ว โดยที่ประชุมคณะทำงานจัดตั้งศูนย์ประสานงานการซื้อขายไฟฟ้าของ GMS จะมีการประชุมที่เวียดนาม 16 ธ.ค.นี้ เพื่อเปิดข้อเสนอของประเทศผู้เสนอจัดตั้งเป็นศูนย์ประสานงาน ซึ่งเบื่องต้นมี 3 ประเทศเสนอ ได้แก่ ไทย จีน และ สปป.ลาว
“ไทยเสนอเป็นประเทศผู้ประสานงานฯ ก็เนื่องจากมีความพร้อมทั้งในแง่ภูมิศาสตร์เป็นศูนย์กลางของทั้ง 6 ประเทศ มีเทคโนโลยีและกฎหมายด้านไฟฟ้ารองรับ ซึ่ง MOU ครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยในด้านของการเชื่อมโยงและเข้าถึงข้อมูลด้านพลังงานไฟฟ้าของประเทศในกลุ่ม GMS ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถนำมาวางแผนสำหรับการลงทุนพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าเพื่อเชื่อมโยงแหล่งพลังงานชนิดต่างๆ กับประเทศสมาชิกในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง” นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ สมาชิก GMS ประกอบด้วย 6 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา จีน ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม และไทย โดยความต้องการใช้ไฟฟ้าของ GMS ในปี 2553 อยู่ที่ 83,259 เมกะวัตต์ และคาดว่าปี 2558 ความต้องการจะเพิ่มขึ้นเป็น 148,371 เมกะวัตต์
Mr.Chong Chi Nai ผู้อำนวยการฝ่ายพลังงานเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธนาคารแห่งการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) กล่าวว่า จะคัดเลือกประเทศผู้ประสานงานโดยเร็วที่สุด ซึ่งความร่วมมือในขณะนี้เป็นระดับทวิภาคี แต่เมื่อมีศูนย์ประสานงานแล้วจะสามารถเดินหน้าโครงการอาเซียนกริด เกิดการแลกเปลี่ยนไฟฟ้าระหว่างกัน สร้างความมั่นคง รองรับการพัฒนาเศรษฐกิจทั้งจีเอ็มเอสและอาเซียน โดยแต่ละประเทศก็จะต้องมีระบบส่งไฟฟ้าไว้รองรับด้วย
