“พาณิชย์” สั่งตรวจสอบโครงการจำนำข้าวหลังยอดโป่ง หวั่นเกษตรกรถูกสวมสิทธิ

“พาณิชย์” หวั่นเกษตรกรถูกสวมสิทธิ ลุยตรวจจำนำข้าวหลังพบตัวเลขโป่ง ผ่าน 2 เดือนรับเข้าเฉียด 6 ล้านตัน เตรียมดูละเอียดทั้งโรงสี ใบรับรองเกษตรกรมีอะไรผิดปกติหรือไม่ เล็งเสนอ ครม.อุ้มมันสำปะหลัง ชง 2 ทางเลือก จ่ายเงินช่วยเหลือโดยตรง กับรับจำนำ ส่วนข้าวโพดราคาดีขึ้นหลังเข้าแทรกแซง

นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้สั่งการให้เจ้าหน้าไปทำการติดตามและตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าว หลังจากพบว่าตั้งแต่เริ่มรับจำนำวันที่ 1 ต.ค.-4 ธ.ค. 2556 มีปริมาณข้าวเข้าโครงการแล้ว 5.91 ล้านตัน ซึ่งเฉลี่ยเดือนละเกือบ 3 ล้านตันเป็นปริมาณที่ผิดปกติหรือไม่ เพราะบางพื้นที่ปริมาณข้าวเต็มโควตาเร็วจนเกินไป โดยให้มีการตรวจสอบโรงสีที่รับจำนำข้าว การออกใบรับรองเกษตรกรปีนี้เทียบกับปีที่แล้วเป็นอย่างไรเพื่อป้องกันไม่ให้มีการสวมสิทธิเกษตรกร

“เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงและได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปตรวจสอบในเบื้องต้น เพราะเป้าหมายของโครงการรับจำนำต้องการช่วยเหลือเกษตรกรและให้เกษตรกรได้ใช้สิทธิเต็มที่ แต่บางพื้นที่มันเต็มเร็วเกินไป เหมือนทำข้อสอบถ้ามันเต็ม 100 เหมือนกันหมดมันก็น่าสงสัยซึ่งต้องไปดูว่ามันมีอะไรผิดปกติหรือไม่ อย่างพวกใบรับรองเกษตรกรถ้าใช้สิทธิเต็มทุกใบมันก็แปลกเพราะอาจมีโรงสีเอาข้าวของตัวเองเข้าไปเติมให้เต็มก็ได้ อะไรแบบนี้”

นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้กรมการค้าภายในเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ ณ จุดรับจำนำเพื่อป้องกันไม่ให้มีการสวมสิทธิเกษตรกร โดยเฉพาะการรับจำนำข้ามเขตต้องมีการตรวจสอบเป็นพิเศษ

นายยรรยงกล่าวว่า สำหรับการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง กระทรวงพาณิชย์เตรียมที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา โดยจะเสนอทางเลือก 2 แนว ได้แก่ การช่วยเหลือปัจจัยการผลิตให้แก่เกษตรกร ซึ่งจะใช้วงเงินประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท และใช้วิธีการรับจำนำ ซึ่งจะใช้วงเงินรวม 2.9 หมื่นล้านบาทในการรับจำนำเป้าหมาย 10 ล้านตัน

ทั้งนี้ แนวทางการช่วยเหลือทั้ง 2 วิธีมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน กล่าวคือ การช่วยเหลือปัจจัยการผลิต เกษตรกรจะได้เงินช่วยเหลือส่วนหนึ่ง ถ้ายังไม่ขุดมันออกมาขายเร็วก็จะได้อีกเด้งเพราะเปอร์เซ็นต์แป้งจะสูงขึ้น และเมื่อขุดช่วงปลายฤดูก็จะขายได้ราคาดี โดยมีเกษตรกรได้รับความช่วยเหลือ 4.97 แสนครัวเรือน แต่การรับจำนำเกษตรกรจะได้เงินจากการนำไปจำนำทันที แต่มีความเสี่ยงที่จะถูกกดราคาในส่วนที่ไม่ได้ขายในโครงการโดยมีจำนวนครัวเรือนได้รับการช่วยเหลือเพียง 3.73 แสนครัวเรือน

“จะเสนอทั้ง 2 ทางเลือกให้ ครม.พิจารณา แต่ละทางเลือกก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน การช่วยเหลือปัจจัยการผลิตรัฐใช้เงินน้อยกว่าการรับจำนำ ซึ่งจากการหารือกับกระทรวงพลังงานก็เห็นด้วยที่จะใช้วิธีนี้ แต่ก็มีเกษตรกรบางส่วนที่อยากให้ใช้วิธีจำนำ แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนรัฐบาลก็มีเงินเพียงพอที่จะให้ความช่วยเหลือ” นายยรรยงกล่าว

ส่วนการแทรกแซงตลาดข้าวโพดจนถึงขณะนี้พบว่า หลังจากที่ภาครัฐได้เข้าไปรับซื้อตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย. 2556 จนถึงปัจจุบันสามารถรับซื้อได้แล้ว 1.68 ล้านตัน ได้ส่งผลให้สถานการณ์ราคาเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยราคาเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 8 บาท