“พาณิชย์” เคาะขายข้าวที่ประมูลในเอเฟตจิ๊บจ๊อย เหตุถูกกดราคาเกินไป

“นิวัฒน์ธำรง” ไฟเขียวขายข้าวที่ประมูลผ่านเอเฟต ให้เฉพาะข้าวขาว 1.5 หมื่นตันจากที่ประมูล 1.2 แสนตัน ส่วนข้าวหอมมะลิ 3 หมื่นตันไม่ให้ เหตุถูกกดราคาหนัก เตรียมเปิดประมูลรอบ 2 อีก 1.25 แสนตัน 25 พ.ย.นี้

นายสมชาติ สร้อยทอง อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ได้อนุมัติผลการประมูลข้าววิธีหักส่วนต่าง (เบสิส) ผ่านตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (เอเฟต) เมื่อวันที่ 25 ต.ค.แล้ว โดยอนุมัติให้จำหน่ายข้าวสาร 5% ปริมาณ 14,977 ตัน จากปริมาณที่เปิดประมูลทั้งหมดประมาณ 1.2 แสนตัน ให้แก่บริษัท พิจิตรร่วมเจริญ 2 เพียงรายเดียว จากผู้เข้าร่วมประมูล 5 ราย ในราคาส่วนต่างลบ 1.70 บาทถึงลบ 2.00 บาท/กก. โดยแบ่งเป็นข้าวส่งมอบเดือน ม.ค. 2557 ปริมาณ 1,963 ตัน ราคาลบ 2.00 บาท/กก. และส่งมอบเดือน ก.พ. 13,013 ตัน ราคาลบ 1.70 ถึงลบ 2.00 บาท/กก.

ส่วนข้าวหอมมะลิที่เปิดประมูลประมาณ 3 หมื่นตันมีผู้เสนอราคาส่วนต่างลบ 6.00 บาทถึง ลบ 6.50 บาท/กก. พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นราคาที่ต่ำเกินไปจึงไม่อนุมัติขาย เพราะผู้ประมูลหักส่วนต่างมากเกินไป และจะทำให้ราคาข้าวที่ขายได้มีราคาต่ำกว่าปกติ

ทั้งนี้ ราคาที่จะขายจริงยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเท่าไร เพราะขณะนี้ทางเอเฟตกำลังคำนวณราคากลางขึ้นมา เนื่องจากเพิ่งเปิดให้มีการประมูลซื้อข้าวผ่านเอเฟต โดยหากราคา ณ วันส่งมอบของข้าวขาว 5% อยู่ที่ 13 บาท/กก. ราคาที่ผู้ชนะประมูลจะต้องจ่ายก็คือ 11-11.30 บาท ซึ่งเป็นราคาหลังจากหักส่วนต่างที่เสนอ 1.70-2.00 บาท/กก. ออกไปแล้ว และรัฐก็จะได้ค่าข้าวในราคาดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง กรมฯ ได้พิจารณาให้เปิดประมูลข้าวผ่านเอเฟตรอบที่ 2 ปริมาณ 125,960 ตัน แยกเป็นข้าวขาว 5% ปริมาณ 94,797 ตันจากคลัง จ.นครสวรรค์ สระบุรี และสุพรรณบุรี และข้าวขาวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ปริมาณ 31,162 ตัน จากคลัง จ.สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา โดยจะเปิดให้ผู้สนใจร่วมตรวจสอบคุณภาพข้าวระหว่างวันที่ 16-20 พ.ย.นี้ และกำหนดให้ยื่นซองในวันที่ 25 พ.ย. ที่กระทรวงพาณิชย์

นายสมชาติกล่าวว่า สำหรับการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวปีการผลิต 2556/57 ยังไม่มีปัญหา และเป็นปกตินับจากเริ่มโครงการ 1 ต.ค. 2556 จนถึงปัจจุบัน โดยมีข้าวเปลือกเข้าโครงการจำนำแล้ว 2.5 ล้านตัน มีการเปิดจุดรับจำนำมากกว่า 1,000 จุดทั่วประเทศ และคาดว่าในเดือน พ.ย.จะมีข้าวเปลือกเข้าโครงการเพิ่มอีก 3-4 ล้านตัน ส่วนการจ่ายเงินให้เกษตรกร ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะเริ่มจ่ายเงินตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การจำนำข้าวเกิดความคล่องตัว ได้เร่งเปิดจุดรับจำนำ พร้อมกับอนุมัติให้โรงสีมีการรับจำนำข้ามเขตได้ โดยเบื้องต้นให้ข้ามเขตได้ในระดับจังหวัดและภาคเดียวกัน แต่ถ้ายังไม่เพียงพอก็ให้พิจารณาโรงสีจากภาคอื่นเข้ามาเปิดจุดรับจำนำได้ ขณะเดียวกัน ได้ป้องกันการสวมสิทธิ โดยกำหนดให้ใบรับรองเกษตรมีอายุเพียง 30 วัน และร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อป้องกันการลักลอบขนข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน