เยาวราชคึกคักสร้างโอกาสรับเออีซี “แกรนด์ ไชน่า” ทุ่ม 300 ล้านบาทปรับลุคโซนพลาซาใหม่ จับลูกค้าค้าส่ง-ค้าปลีกมากขึ้น หวังเพิ่มสัดส่วนผู้เข้าใช้บริการต่อวันเป็นเท่าตัว หรือมีเม็ดเงินสะพัดร่วม 6,000 ล้านบาทต่อปี มั่นใจคุ้มทุนใน 8 ปี
นางสาวนันทนุช ตั้งอุทัยศักดิ์ ผู้อำนวยการโครงการแกรนด์ไชน่า เยาวราช บริษัท ไทยเฮ้าส์ซิ่งดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า เดิมแกรนด์ ไชน่า ถือเป็นโครงการที่ครบวงจรมากสุดในไชน่าทาวน์ที่ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ โรงแรมแกรนด์ไชน่า โฮเทล จำนวน 150 ห้อง และพลาซา คือ แกรนด์ไชน่า พลาซ่า อีก 5 ชั้น ทั้งนี้ ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาในส่วนพลาซาได้ทำสัญญาเป็นสัญญาระยะยาว 20 ปี ล่าสุดครบกำหนดในปีที่ผ่านมา ทางบริษัทจึงมีแนวคิดที่จะนำพื้นที่ดังกล่าวมาปรับปรุงใหม่ หลังพบว่ามีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าในย่านเออีซีเข้ามาซื้อสินค้าไปจำหน่ายมากขึ้น
ล่าสุดจึงพร้อมใช้เม็ดเงินกว่า 300 ล้านบาทสำหรับปรับปรุงพื้นที่ทั้งหมด 10,000 ตารางเมตร คิดเป็น 250 ร้านค้า รวม 5 ชั้น เป็นศูนย์รวมสินค้ากิฟต์ชอปไลฟ์สไตล์ใหญ่สุดในย่านเยาวราช แบ่งเป็นโซนต่างๆ ประกอบด้วย ชั้น G ในธีมชิโน โปรตุกีส ที่มีร้านกาแฟ และกิฟต์ชอปไลฟ์สไตล์ ชั้น 2 เป็นจิวเวลรีแฟชั่นและไอทีแกดเจ็ต ชั้น 3 เป็นกิฟต์ชอปดีไซน์ และ Give คอนเว็ปต์สโตร์ ชั้น 4 เป็นสินค้าไชน่าทาวน์ มาร์เกต และชั้น 5 เป็นฟูดคอร์ต และธนาคาร โดยจะพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือน ก.พ.ปีหน้า ซึ่งขณะนี้มียอดจองพื้นที่แล้วกว่า 60% ในเดือน ก.พ.ปีหน้าน่าจะเพิ่มเป็น 90% พร้อมเพิ่มสัดส่วนผู้เข้าใช้บริการจากวันละ 6,000 คนต่อวัน เป็น 10,000 คนต่อวัน แบ่งเป็นกลุ่มค้าส่ง 60% และค้าปลีก 40% ทั้งกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าคนไทยและต่างชาติอย่างเวียดนาม ลาว และมาเลเซีย เป็นต้น มั่นใจว่าต่อเดือนจะมีเม็ดเงินสะพัดภายในโครงการกว่า 500 ล้านบาท หรือต่อปีไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท โดยมองว่าโครงการนี้จะคุ้มทุนใน 8 ปี
นางสาวนันทนุชกล่าวต่อว่า แกรนด์ ไชน่า เยาวราช ถือเป็นโครงการที่สำคัญเพื่อรองรับลูกค้าเออีซีมากขึ้น โดยปีแรกบริษัทพร้อมใช้งบการตลาดกว่า 10 ล้านบาท สำหรับโฆษณาและประชาสัมพันธ์ให้ทั้งกลุ่มลูกค้าคนไทยและต่างชาติได้รู้จักและเข้าใช้บริการในย่านเยาวราชมากขึ้น ทั้งนี้ หากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ บริษัทพร้อมที่จะรีโนเวตพื้นที่บริเวณชั้น 6-7 ต่อเนื่อง ขณะที่ในส่วนของโรงแรมปัจจุบันมียอดจองห้องพักเฉลี่ย 80% ต่อปี และถึงแม้จะมีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นในประเทศไทย พบว่ากลุ่มผู้ใช้บริการทั้งไทยและต่างประเทศกลุ่มนี้ยังคงพร้อมเดินทางเข้ามาพักอยู่เช่นเดิม ส่วนสำคัญมาจากเยาวราชเป็นย่านธุรกิจที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการเมืองทั้งทางตรง และทางอ้อม