“กกร.” ถกนอกรอบร่วมองค์การต่อต้านคอร์รัปชั่นพรุ่งนี้( 4 พ.ย.) วางจุดยืนภาคธุรกิจต่อการคัดค้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย เผยการคัดค้านยืดเยื้อเท่าใดยิ่งกระทบเศรษฐกิจมากเท่านั้นภาคธุรกิจคงนิ่งเฉยไม่ได้ ย้ำรัฐบาลอย่าลุแก่อำนาจเพื่อสร้างความแตกแยกทางสังคมให้มากขึ้น
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ที่ประกอบด้วยส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทยวันที่ 4 พ.ย. อาจจะมีการหารือนอกรอบร่วมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น(ประเทศไทย) เกี่ยวกับร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่มีการเคลื่อนไหวคัดค้านเกิดขึ้นในขณะนี้ ซึ่งยอมรับว่าจะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจ พร้อมกับการหารือเตรียมพร้อมการเดินทางร่วมคณะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไปประเทศรัสเซียระหว่าง 8-11 ธ.ค.นี้
นายวัลลภ วิตนากร รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า การหารือนอกรอบเกี่ยวกับการแสดงจุดยืนของ กกร. ร่วมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นในเวลา 11.00 น. เนื่องจากก่อนหน้านี้ไม่เคยหารือกันเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะมีการยื่นหนังสือ หรือดำเนินการอย่างไรต่อไปก็ต้องดูการประชุมอีกครั้ง จากนั้นค่อยจะเป็นการประชุม กกร. ซึ่งเป็นการประชุมประจำเดือนพฤศจิกายนในเวลา 12.00 น.
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานส.อ.ท.กล่าวว่า กกร.อาจจะมีการหยิบยกประเด็นการคัดค้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าหารือเพื่อประเมินสถานการณ์และกำหนดบทบาทและท่าทีของภาคเอกชนร่วมกัน รวมถึงการประเมินผลกระทบต่อทิศทางเศรษฐกิจซึ่งส่วนตัวเห็นว่าหากการคัดค้านมีการยืดเยื้อมากเท่าใดก็จะยิ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนมากเท่านั้นแต่ในแง่ของพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งขณะนี้เองก็มองได้ว่าเกินความจำเป็นที่อาจกระทบด้านจริยธรรมและการยอมรับการดำเนินธุรกิจของไทยในสายตาโลกได้เช่นกัน
นายสมมาต ขุนเศษฐ รองประธานส.อ.ท.กล่าวว่า ภาคธุรกิจคงไม่สามารถจะนอนรอดูการคัดค้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมได้จำเป็นต้องออกมาแสดงบทบาทเพราะขณะนี้ถือเป็นปัญหาความขัดแย้งของประชาชนมากขึ้นและนั่นย่อมกระทบต่อเศรษฐกิจชาติ หากเศรษฐกิจมีปัญหานักธุรกิจก็ย่อมได้รับผลกระทบไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และรัฐบาลเองควรจะต้องฟังเสียงคนของประเทศที่คัดค้านด้วยไม่ใช่อ้างเสียงส่วนใหญ่ที่เลือกตั้งมาแล้วจะทำอะไรก็ได้เพราะระหว่างการบริหารประเทศการเมืองยังจำเป็นต้องฟังเสียงประชาชนจากทุกส่วนอยู่
