ทุบทุกสถิติ ผู้เข้าร่วมงานมหกรรมหนังสือฯ กว่า 2.5 ล้านคน แต่รายได้รวมสวนทางจำนวนคน คาดนักอ่านระมัดระวังการใช้จ่ายเพราะไม่มั่นใจสภาวะเศรษฐกิจ
นายจรัญ หอมเทียนทอง นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 18 ที่เพิ่งสิ้นสุดไปนั้น เปิดเผยว่า งานมหกรรมหนังสือระดับชาติในครั้งนี้ประสบความสำเร็จในแง่ของจำนวนผู้เข้าชมอ่านเกินกว่าที่คาดไว้มาก เพราะทำลายทุกสถิติที่เคยมีมาด้วยตัวเลขประมาณ 2,500,000 คน ซึ่งมากกว่างานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 17 ในปีที่แล้วถึงราว 600,000 คน
อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนผู้เข้าชมงานมหกรรมหนังสือจะเยอะขึ้นเป็นประวัติการณ์ ทว่ายอดจำหน่ายหนังสือโดยรวมจากทุกสำนักพิมพ์กลับไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับปริมาณผู้เข้าชมงานที่เพิ่มขึ้น โดยมียอดขายโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 900 ล้านบาทซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
“ถ้าเทียบกับจำนวน 2,500,000 คนของผู้เข้าชมงานแล้วถือว่ายอดขายโดยรวมไม่ได้เติบโตมากนัก โดยสาเหตุน่าจะเกิดจากเพราะนักอ่านระมัดระวังในการใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อหนังสือมากขึ้น โดยประเมินได้จากต่อหนึ่งใบเสร็จจะมียอดเงินน้อยลง ซึ่งน่าจะเป็นเพราะความไม่มั่นใจในสภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในขณะนี้ จึงทำให้เลือกซื้อหนังสือเล่มที่ต้องการอ่านจริงๆ เท่านั้น แต่ยังซื้อหนังสืออยู่ นี่คือจุดแข็งของอุตสาหกรรมหนังสือ”
นายจรัญยังเผยอีกด้วยว่า แนวหนังสือที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในครั้งนี้คือ หนังสือแนวกราฟิก-โนเวล เน้นเรื่องราวที่มาพร้อมกับภาพประกอบซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนักเขียน จากสำนักพิมพ์รุ่นใหม่ๆ ที่สร้างผลงานได้ตรงใจวัยรุ่น, หนังสือสอนภาษาต่างๆ ที่อ่านง่ายสบายตา ซึ่งเกิดจากการตื่นตัวต่อกระแสประชาคมอาเซียน ส่วนหนังสือประเภทจิตวิทยาสร้างกำลังใจ และธรรมะประยุกต์มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้น เพราะผู้คนต้องการที่พึ่งทางใจท่ามกลางสภาวะบ้านเมืองที่มีปัญหาและเศรษฐกิจที่ถดถอย ขณะที่หนังสือนวนิยายที่ครองตลาดส่วนใหญ่ในธุรกิจหนังสือก็ยังอยู่ในสภาวะที่น่าพอใจ แม้จะไม่ได้โดดเด่นเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ก็ตาม
“สำนักพิมพ์ที่เน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กและวัยรุ่นประสบความสำเร็จอย่างมาก ยอดขายของหลายสำนักพิมพ์เลยเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม หลายสำนักพิมพ์ได้สั่งพิมพ์หนังสือเพิ่มระหว่างงานเนื่องจากที่เตรียมมาขายหมดเกลี้ยง หลังจากอัดอั้นจากพิษเศรษฐกิจโดยรวมในช่วงไตรมาสหลังของปีซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาวะของสำนักพิมพ์อยู่ไม่น้อย แต่ในส่วนของสำนักพิมพ์ที่เน้นผู้อ่านวัยผู้ใหญ่หรือวัยทำงานนั้นยอดขายอาจจะนิ่งบ้าง เพราะมีการระมัดระวังการใช้จ่ายมากกว่าเดิม และเมื่อประกอบกับโรงเรียนอยู่ในช่วงเปิดเทอมอาจมีรายจ่ายพิเศษเพิ่มเติมจากปกติ ผู้ปกครองจึงระวังมากขึ้นด้วย
แต่มีกลุ่มหนึ่งที่สร้างปรากฏการณ์ได้อย่างน่าสนใจ คือหนังสือแนวคุณภาพที่มีกลุ่มผู้อ่านชัดเจน ตอบสนองคนอ่านเฉพาะกลุ่ม และทำการตลาดการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อSocial Media ซึ่งมียอดขายที่ดีขึ้นอย่างมาก
นายจรัญกล่าวอีกว่า แม้ในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 18 นี้จะประสบความสำเร็จอย่างสูง ทว่าตลาดหนังสือโดยรวมนั้นยังคงอยู่ในสภาวะที่มีปัญหา และยังไม่มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง จำนวนผู้เข้าชมงานและยอดขายในงานเป็นเพียงปรากฏการณ์หนึ่งเท่านั้น
“ความสำเร็จในงานครั้งนี้สร้างความมั่นใจให้เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สังคมการอ่านต่อไป เราเชื่อว่าการสร้างวัฒนธรรมการอ่านที่ทางสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ดำเนินการมาตั้งแต่ยุคก่อนๆ นั้นน่าจะมีความเป็นไปได้มากขึ้น เพราะเราตั้งใจว่าภารกิจหลักในการทำงานของสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ คือจะสร้างนักอ่านที่เข้มแข็งให้เกิดขึ้น และสร้างให้ทุกภาคส่วนในการผลิตหนังสือ เช่น บรรณาธิการ นักเขียน นักวาดภาพประกอบ ฯลฯ ให้เป็นมืออาชีพและมีความเป็นวิชาชีพมากขึ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการวางกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อที่จะขับเคลื่อนต่อไปให้ได้
อย่างน้อยในงานนี้ ในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้เรายังมีคนมาร่วมงานได้ขนาดนี้ ทำให้เราได้เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ พวกเราสามารถเติบโตไปด้วยกันได้อย่างแน่นอน” นายจรัญ กล่าว