xs
xsm
sm
md
lg

กระทรวงอุตสาหกรรม-บีโอไอดึงเอสเอ็มอีญี่ปุ่นลงทุนไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กระทรวงอุตฯ-บีโอไอจับมือจังหวัดอะคิตะ และ Fidea Holdings สถาบันการเงินจากญี่ปุ่น ลงนามพัฒนาความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการลงทุนระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ครอบคลุมทั้งการจัดกิจกรรมและกระตุ้นความสัมพันธ์ หวังดึงลูกค้าเอสเอ็มอีกลุ่มเหล็ก ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรและอุปกรณ์ มาไทย
 

นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ในวันที่ 25 ตุลาคม 2556 กระทรวงอุตสาหกรรม และบีโอไอ จะลงนามในบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ (เอ็มโอยู) กับหน่วยงานราชการ และสถาบันการเงินจากประเทศญี่ปุ่น จำนวน 2 ฉบับ เพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือด้านการลงทุนของนักลงทุนญี่ปุ่น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยมีนายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ Mr. Shigekazu SATO เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยร่วมเป็นสักขีพยาน

ทั้งนี้ บันทึกความเข้าใจฉบับแรกเป็นการลงนามระหว่างอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กับผู้ว่าราชการจังหวัดอะคิตะ (Akita) ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของญี่ปุ่น มีความโดดเด่นและแข็งแกร่งด้านอุตสาหกรรมที่สำคัญ เช่น การผลิตส่วนประกอบหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร อาหาร ผลิตภัณฑ์จากไม้หรือป่าไม้ และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น โดยทั้ง 2 หน่วยงานจะมุ่งเน้นส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเอสเอ็มอีของไทยกับญี่ปุ่นให้มีความใกล้ชิดกันมากขึ้น จังหวัดอะคิตะพร้อมช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้เอสเอ็มอีไทยขยายธุรกิจในระดับสากล

สำหรับบันทึกความเข้าใจฉบับที่ 2 เป็นความร่วมมือระหว่างบีโอไอ กับบริษัท Fidea Holdings ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัททางการเงิน มีเครือข่ายเป็นธนาคารท้องถิ่นของญี่ปุ่น 2 แห่ง ได้แก่ ธนาคาร Hokuto ปัจจุบันมีสาขาให้บริการ 82 แห่ง และธนาคาร Shonai มีสาขากระจาย 80 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการกลุ่มเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพ และเป็นกลุ่มเป้าหมายของการส่งเสริมให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรและอุปกรณ์ เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะใช้ไทยเป็นศูนย์กลางของการเชื่อมโยงการให้บริการด้านการเงินแก่ลูกค้าของบริษัทที่เข้าไปลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียนที่คาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น