กกร.เตรียมตั้งคณะทำงานร่วมคลัง-ธปท.เกาะติดค่าเงินเพื่อรับมือความผันผวนจากเศรษฐกิจโลก พร้อมตั้ง 2 คณะทำงานยกระดับ SMEs แนะรัฐออกมาตรการดูแลเศรษฐกิจและส่งออกระยะยาว เหตุเอกชนต้องใช้เวลาปรับตัว
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบให้ 3สถาบัน ได้แก่ สภาหอฯ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย ส่งตัวแทนหน่วยละ 3 คนเพื่อตั้งคณะทำงานร่วมกับกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการติดตาม (มอนิเตอร์) อัตราแลกเปลี่ยนทางการเงินของโลก รวมถึงการติดตามสถาบันการเงินต่างๆ ที่จะมีผลต่อการค้าและการลงทุนกับไทยโดยคาดว่าจะแต่งตั้งได้เร็วๆ นี้
“อัตราแลกเปลี่ยนเป็นเรื่องที่ต้องติดตามเพราะมีผลกระทบต่อผู้นำเข้าและการส่งออกต้องไม่ให้ผันผวนจนเกินไป การทำงานจะร่วมมือกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่งจะรวมข้อมูลทุกฝ่ายร่วมกัน รวมถึงการดูเรื่องอื่นๆ เช่นสถาบันการเงินบางประเทศที่ไทยเองไปค้าขายแล้วมีอุปสรรคการทำธุรกรรมทางการเงินก็จะต้องไปดู ซึ่งอาจให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า หรือเอ็กซิมแบงก์เข้ามาร่วมด้วย” นายอิสระกล่าว
นอกจากนี้ กกร.ยังเห็นชอบที่จะเสนอภาครัฐให้ดูแลมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการส่งออกในช่วงสิ้นปีนี้ที่เป็นช่วงระยะสั้นที่รัฐจะดำเนินการแล้วให้มีมาตรการในช่วงระยะกลางและยาวด้วย โดยเฉพาะระยะยาวควรให้ความสำคัญมากขึ้นเนื่องจากการเจรจาทางการค้าจะต้องใช้เวลา เช่น ความตกลงการค้าเสรีไทย-อียู (FTA ไทยอียู) ซึ่งในปี 2015 ไทยจะถูกตัดสิทธิทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) การเจรจาต้องไม่สะดุด และภาคการผลิตเองต้องการเวลาปรับตัวด้านต่างๆ เพื่อการรองรับซึ่งล้วนต้องอาศัยเวลาในการปรับปรุงกระบวนการผลิตและเทคโนโลยี
นายชาติศิริ โสภณพนิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ความผันผวนค่าเงินมีมาตั้งแต่ต้นปี แต่ กกร.เพิ่งมีโอกาสที่จะตั้งคณะทำงานร่วมขึ้นซึ่งแนวทางดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีที่รัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกาต้องปิดดำเนินการหรือชัตดาวน์เนื่องจากระยะสั้นไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยแต่อย่างใด โดยจะเห็นว่าตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรของไทยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในขณะนี้
“ตอนนี้ระยะสั้นจะไม่มีปัญหาอะไร คิดว่าสหรัฐฯ เองจะต้องเร่งแก้ปัญหาดังกล่าวให้จบโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม หากเป็นปัญหาระยะยาวก็ต้องติดตามใกล้ชิด”
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบตั้งคณะทำงาน 2 ชุดเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดกลางและย่อม (SMES) ได้แก่ คณะทำงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ SMEs และคณะทำงานพิจารณาสิทธิประโยชน์และขีดความสามารถของผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งจะเน้นการวิจัยและพัฒนาหรือR&D โดยแต่ละสถาบันจะส่งตัวแทนแห่งละ 3 คนทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงพาณิชย์