“คมนาคม” สั่งทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมรับมือม็อบสวนยาง “พฤณท์” ยันมาตรการรักษาความเข้มข้นไม่ให้สนามบินถูกปิด เปิดสายศูนย์ปลอดภัยคมนาคม 1356 และกรมทางหลวง 1586 บขส.1490 ให้สอบถามเส้นทางเลี่ยงเดินทางลงใต้ ด้านรถไฟหยุดเดินรถตั้งแต่ 27 ส.ค.รวม 176 ขบวน สูญรายได้กว่า 31 ล้านบาท ส่วน บขส.วิ่งอ้อมเส้นทาง ต้นทุนน้ำมันเพิ่มวันละแสน
พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้ารองรับการเดินทางลงสู่ภาคใต้กรณีที่มีเกษตรกรสวนยางพาราชุมนุมปิดเส้นทางหลวงเพื่อเรียกร้องราคายางว่า ล่าสุดมีการปิดทางหลวงทั้งหมด 5 จังหวัด 7 จุด ประกอบด้วย จ.ระยอง ทล.3 บริเวณหน้าสวนราชการ จ.สุราษฎร์ธานี ทล.41 บริเวณ CO-OP สุราษฎร์ธานี จ.นครศรีธรรมราช ทล.41 สี่แยกควนหนองหงส์, ทล.4151 แยกบ้านตูล ซึ่งเป็นจุดตัดกับทางรถไฟสายใต้พอดี ทำให้รถไฟเดินรถได้ถึงชุมทางทุ่งสง และทล.41 แยกหนองดี จ.ตรัง ทล.4 แยกห้วยยอด จ.พัทลุง ทล.4 ตรัง-พัทลุง ใกล้โรงเรียนบ้านนา 1 ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เตรียมรถโดยสารเพื่อรับ-ส่ง ผู้โดยสารที่เดินทางจากสถานีรถไฟไปยังปลายทางโดยยืนยันว่าจะรองรับความต้องการเดินทางได้ทั้งหมด
ส่วนสนามบินสุราษฎร์ธานีซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมการบินพลเรือน (บพ.) การปิดถนนหน้า CO-OP ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินสุราษฎร์ธานีประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งยังสามารถสัญจรเข้า-ออกได้โดยใช้ทางสำรองเข้า-ออกทางกองบิน 7 ซึ่ง บพ.รายงานว่ายังไม่มีเที่ยวบินยกเลิกแต่อย่างใด โดยมีประมาณ 10-12 เที่ยวบินต่อวัน นอกจากนี้ยังได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และจังหวัดดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น และไม่ให้มีการเข้าไปปิดสนามบินได้ และดูแลกรณีที่จะมีมือที่สามเข้าไปสร้างสถานการณ์ด้วย ส่วนสนามบินนครศรีธรรมราช และกระบี่ขณะนี้ยังไม่ได้รับกระทบ โดยหากผู้ชุมนุมทำการปิดสนามบินจนไม่สามารถใช้บริการได้ มีแผนสำรองโดยโอนย้ายการให้บริการมาที่สนามบินหาดใหญ่ ภูเก็ต และตรังแทน
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนที่ต้องการเดินทางลงสู่ภาคใต้มั่นใจว่าจะยังคงสามารถเดินทางได้ โดยหากมีข้อสงสัยในการเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ถูกปิดสามารถโทร.สอบถามได้ที่ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม 1356, สายด่วน กรมทางหลงง 1586 บขส.1490 และตำรวจทางหลวง 1193 โดยเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำเส้นทางเลี่ยงเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า บขส.ได้ปรับเดินรถสายใต้ในเส้นทางสำรองโดยใช้เส้นทางทั้งทางหลวงและทางหลวงชนบท ซึ่งจะทำให้ต้องวิ่งอ้อมมากขึ้นประมาณ 30-100 กิโลเมตร ใช้เวลาเพิ่มขึ้นจากปกติ 1 ชั่วโมงเศษ โดยปัจจุบันเป็นช่วง Low Season มีเที่ยววิ่งลงใต้ไป-กลับประมาณ 500 เที่ยวต่อวัน เป็นรถของ บขส.ประมาณ 45-75 เที่ยว โดยทำให้ บขส.มีค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงจากการวิ่งอ้อมประมาณ 100,000 บาทต่อวัน
นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า กรณีม็อบสวนยางพาราปิดเส้นทางรถไฟ กม. 934/9-10 ระหว่างบ้านตูล-ชะอวด ทำให้ต้องงดเดินขบวนรถไฟตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2556 เป็นต้นมา ส่งผลให้เกิดความเสียหายทั้งด้านการโดยสารและสินค้า โดยต้องหยุดเดินรถรวม 176 ขบวน แบ่งเป็นรถโดยสาร 160 ขบวน รถสินค้า 16 ขบวน สูญเสียรายได้รวม 31,923,294 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากรถโดยสาร 29,760,000 ล้านบาท จากรถสินค้า 2,163,294 ล้านบาท ที่เหลือเป็นรายได้อื่นๆ
