การบินไทยชี้อุบัติเหตุทีจี 600 ตกหลุมอากาศรุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี ระบุเหตุยิ่งร้ายแรงเพราะผู้โดยสารไม่สนใจและไม่ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยบนเครื่องบิน โดยเฉพาะคนเอเชีย เหตุสนใจเรื่องบริการมากกว่า เมินรัดเข็มขัดตลอดการเดินทาง ส่วนบางกอกแอร์เวย์สฯ เผยสถิติอุบัติเหตุภาคพื้นเพิ่มจนบริษัทประกันภัยเตือน
นายพงษ์ภีระ ไพศาลกุลวงศ์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายความปลอดภัย ความมั่นคงและมาตรฐานการบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรณีการเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินการบินไทย เที่ยวบินทีจี 600 เส้นทางกรุงเทพฯ-ฮ่องกงประสบอุบัติเหตุตกหลุมอากาศเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากนั้น เป็นการเกิดเหตุตกหลุมอากาศขณะที่สภาพอากาศแจ่มใส ซึ่งถือว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์รุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี
โดยปัจจุบันมีผู้โดยสารเครื่องบินซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชียประมาณ 10% ยังไม่ค่อยให้ความสำคัญต่อระบบความปลอดภัยขณะโดยสารเครื่องบิน โดยเฉพาะการคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดการเดินทาง ทำให้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะเกิดการบาดเจ็บที่รุนแรงกว่าปกติ โดยผู้โดยสารชาวเอเชียจะให้ความสำคัญต่อเรื่องการบริการบนเครื่องบินมากกว่าความปลอดภัย ซึ่งแตกต่างจากผู้โดยสารของประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่จะให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยขณะโดยสารเครื่องบินเป็นอันดับแรก ดังนั้น ทั้งสายการบินและผู้โดยสารจึงควรหันมาให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติตามระบบรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้นกว่าปัจจุบัน
ด้านนายธวัชวงค์ ธนะสุมิต กรรมการรองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายวางแผนยุทธศาสตร์ บริษัทการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนอากาศยานมีแนวโน้มลดลงแต่อุบัติเหตุที่เกิดบนภาคพื้นดินกลับมีเพิ่มขึ้น เฉลี่ยประมาณเดือนละ 3 ครั้ง ทำให้บริษัทผู้ให้บริการประกันภัยอากาศยานเริ่มแจ้งเตือนขอให้สายการบินต่างๆ และผู้ให้บริการภาคพื้น ให้ความสำคัญต่อระบบความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งในส่วนของบางกอกแอร์เวย์สได้มีการจัดสรรงบประมาณปีละ 50-100 ล้านบาทเพื่อดูแลระบบด้านความปลอดภัยในทุกๆ ด้าน