Market View : แนวรับ 1,338/1,325
Technical : แนวรับ 1,330/1,300 แนวต้าน 1,338 /1,350
หุ้นแนะนำพิเศษ : STEC แนวรับ 18.6-19 แนวต้าน 20.2 / 21.30
หุ้นเด่นรายวัน : BEC LH HMPRO
วันศุกร์ตลาดหุ้นไทยก็ยังปิดลบ ดัชนี SET ปิดที่ 1,338.13 จุด ลดลง 13.68 จุด(-1.01%) มูลค่าการซื้อขาย 46,025.11 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิอีก 547.45ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย ทางฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กฯ คาดมีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 1,330-1,400 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิลดน้อยลง ทำให้ตลาดมีโอกาสที่จะทรงตัวหรือกลับตัวขึ้นทางเทคนิค ในขณะที่ S50U13 ทดสอบไม่ผ่านSMA5วันปรับตัวลงด้วยแท่งเทียนสีดำยาวเป็นสัญญาณลบ ระยะสั้นเน้นยืน 900 เป็นจุดพิจารณาหลัก SET50 ปรับตัวเน้นยืน 900 ไม่ควรต่ำกว่าลงมา GFQ13 เก็งกำไรในกรอบ 20,960-21,320 GFV13 เก็งกำไรในกรอบ 21,080-21,440
กลยุทธ์ ปัจจัยการเมืองมีแรงกดดันตลาดน้อยลง คาดแรงซื้อระยะสั้นจะกลับเข้าตลาด โดยเน้นหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง กลุ่มอาหาร CPF MINT TUF กลุ่มสื่อสาร ปรับตัวซื้อเก็งกำไร กลุ่มธนาคาร BAY KBANK TMB SCB กลุ่มไฟแนนซ์ ASP UOBKH KTCซื้อถือเมื่อลงแรง กลุ่มประกัน THRE BLA กลุ่มยานยนต์ AH SAT TRU กลุ่มปิโตรเคมี IVL PTTGC กลุ่มรับเหมาฯมีโอกาสกลับตัวขึ้นต่อเนื่อง CK STEC ITD กลุ่มวัสดุฯ SCC DCC กลุ่มพลังงาน BANPU PTT PTTEP PTTGC หุ้นรายหลักทรัพย์ STA UNIQ CENTEL ระยะกลาง ปรับตัวลงแรง ซื้อเข้าเล็กน้อย
หุ้นแนะนำพิเศษ
STEC(ปิด 19.4 ซื้อเป้าปี 56:29.6) ยังเป็นหุ้นที่เราให้น้ำหนักการลงทุนมากที่สุดในกลุ่ม เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งที่สุด คือ1) ผลการดำเนินงานปกติออกมาเป็นบวกทุกไตรมาส ขณะที่คู่แข่งมีผลการดำเนินงานผันผวน และภาพรวมทั้งปีคาดว่าปีนี้จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเราคาดกำไรสุทธิในปีนี้ประมาณ 1,327 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 14%yoy 2) งานในมือ(Backlog) ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดย ปัจจุบัน STEC มี Backlog สูงถึง 7.1 หมื่นล้านบาทมากที่สุดตั้งแต่จัดตั้งบริษัทมาและเพียงพอต่อการเติบโตของรายได้ไปอีก 2-3 ปีเติบโต
หุ้นเด่นรายวัน
BEC (ราคาปิด 53.25 ซื้อเก็งกำไร) แนวโน้มผลประกอบการ 3Q56 เติบโตต่อเนื่อง จากการเพิ่มช่วงเวลาละครหลังข่าวอีก 15 นาที ที่มีผลตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีรายได้จากการลงโฆษณาช่วงเวลาไพรม์ไทม์เพิ่มมากขึ้น (ที่มา : ข่าวหุ้น)
LH (ราคาปิด 10.10 ซื้อ เป้าหมาย 13) HMPRO(ราคาปิด 11.70 ซื้อ เป้าหมาย 18) จับมือกันจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โดยจะยื่นไฟลิ่งภายในเดือน ส.ค.นี้ ในเบื้องต้นคาดว่าจะมีขนาดกองรวมกันประมาณ 1 หมื่นล้านบาทโดยจะเสนอขายหน่วยลงทุนได้ในช่วงไตรมาส 4 นี้ สินทรัพย์ของ LH ที่จะนำมาร่วมจัดตั้งกองทุน ได้แก่ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ส่วนสินทรัพย์ของ HMPRO น่าจะเป็นโฮมโปรสาขาหัวหิน ส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายมีแนวโน้มสดใสจากการบันทึกกำไรจากการขายทรัพย์สิน
Technical : แนวรับ 1,330/1,300 แนวต้าน 1,338 /1,350
หุ้นแนะนำพิเศษ : STEC แนวรับ 18.6-19 แนวต้าน 20.2 / 21.30
หุ้นเด่นรายวัน : BEC LH HMPRO
วันศุกร์ตลาดหุ้นไทยก็ยังปิดลบ ดัชนี SET ปิดที่ 1,338.13 จุด ลดลง 13.68 จุด(-1.01%) มูลค่าการซื้อขาย 46,025.11 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิอีก 547.45ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย ทางฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กฯ คาดมีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 1,330-1,400 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิลดน้อยลง ทำให้ตลาดมีโอกาสที่จะทรงตัวหรือกลับตัวขึ้นทางเทคนิค ในขณะที่ S50U13 ทดสอบไม่ผ่านSMA5วันปรับตัวลงด้วยแท่งเทียนสีดำยาวเป็นสัญญาณลบ ระยะสั้นเน้นยืน 900 เป็นจุดพิจารณาหลัก SET50 ปรับตัวเน้นยืน 900 ไม่ควรต่ำกว่าลงมา GFQ13 เก็งกำไรในกรอบ 20,960-21,320 GFV13 เก็งกำไรในกรอบ 21,080-21,440
กลยุทธ์ ปัจจัยการเมืองมีแรงกดดันตลาดน้อยลง คาดแรงซื้อระยะสั้นจะกลับเข้าตลาด โดยเน้นหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง กลุ่มอาหาร CPF MINT TUF กลุ่มสื่อสาร ปรับตัวซื้อเก็งกำไร กลุ่มธนาคาร BAY KBANK TMB SCB กลุ่มไฟแนนซ์ ASP UOBKH KTCซื้อถือเมื่อลงแรง กลุ่มประกัน THRE BLA กลุ่มยานยนต์ AH SAT TRU กลุ่มปิโตรเคมี IVL PTTGC กลุ่มรับเหมาฯมีโอกาสกลับตัวขึ้นต่อเนื่อง CK STEC ITD กลุ่มวัสดุฯ SCC DCC กลุ่มพลังงาน BANPU PTT PTTEP PTTGC หุ้นรายหลักทรัพย์ STA UNIQ CENTEL ระยะกลาง ปรับตัวลงแรง ซื้อเข้าเล็กน้อย
หุ้นแนะนำพิเศษ
STEC(ปิด 19.4 ซื้อเป้าปี 56:29.6) ยังเป็นหุ้นที่เราให้น้ำหนักการลงทุนมากที่สุดในกลุ่ม เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งที่สุด คือ1) ผลการดำเนินงานปกติออกมาเป็นบวกทุกไตรมาส ขณะที่คู่แข่งมีผลการดำเนินงานผันผวน และภาพรวมทั้งปีคาดว่าปีนี้จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเราคาดกำไรสุทธิในปีนี้ประมาณ 1,327 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 14%yoy 2) งานในมือ(Backlog) ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดย ปัจจุบัน STEC มี Backlog สูงถึง 7.1 หมื่นล้านบาทมากที่สุดตั้งแต่จัดตั้งบริษัทมาและเพียงพอต่อการเติบโตของรายได้ไปอีก 2-3 ปีเติบโต
หุ้นเด่นรายวัน
BEC (ราคาปิด 53.25 ซื้อเก็งกำไร) แนวโน้มผลประกอบการ 3Q56 เติบโตต่อเนื่อง จากการเพิ่มช่วงเวลาละครหลังข่าวอีก 15 นาที ที่มีผลตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีรายได้จากการลงโฆษณาช่วงเวลาไพรม์ไทม์เพิ่มมากขึ้น (ที่มา : ข่าวหุ้น)
LH (ราคาปิด 10.10 ซื้อ เป้าหมาย 13) HMPRO(ราคาปิด 11.70 ซื้อ เป้าหมาย 18) จับมือกันจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โดยจะยื่นไฟลิ่งภายในเดือน ส.ค.นี้ ในเบื้องต้นคาดว่าจะมีขนาดกองรวมกันประมาณ 1 หมื่นล้านบาทโดยจะเสนอขายหน่วยลงทุนได้ในช่วงไตรมาส 4 นี้ สินทรัพย์ของ LH ที่จะนำมาร่วมจัดตั้งกองทุน ได้แก่ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ส่วนสินทรัพย์ของ HMPRO น่าจะเป็นโฮมโปรสาขาหัวหิน ส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายมีแนวโน้มสดใสจากการบันทึกกำไรจากการขายทรัพย์สิน