xs
xsm
sm
md
lg

“นานมีบุ๊คส์” ปรับแผนรีเทล ชูร้าน “แว่นแก้ว” ยึดตลาดเด็ก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คิม จงสถิตย์วัฒนา กับบรรยากาศในร้านแว่นแก้ว
“นานมีบุ๊คส์” ปรับกลยุทธ์รีเทลชอป ลบชื่อร้านนานมีบู๊คส์ ชูร้านแว่นแก้วแทน พร้อมทั้งลุยโมเดลแซตเทิลไลต์ วางเป้าเป็นผู้เชี่ยวชาญร้านหนังสือเด็กครบวงจร ดันสัดส่วนรีเทลเป็น 30%

น.ส.คิม จงสถิตย์วัฒนา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ปรับแผนธุรกิจทางด้านรีเทลหรือร้านค้าปลีกหนังสือใหม่ โดยจะเปลี่ยนชื่อร้านนานมีบุ๊คส์ มาเป็น ร้านแว่นแก้ว ซึ่งบริษัทฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานนามปากกา “แว่นแก้ว” มาใช้เป็นชื่อร้านหนังสือแว่นแก้ว ร้านหนังสือสำหรับเด็กครบวงจรด้วยสโลแกน “ร้านหนังสือเด็กแว่นแก้ว อ่านสนุกได้ความรู้ทั้งวัน”

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีร้านนานมีบุ๊คส์จำนวน 5 สาขา เช่น สุขุมวิท 31, พาราไดซ์ปาร์ค, ดิ เอมโพเรียม แฟชั่นไอส์แลนด์ เป็นต้น ซึ่งจะปรับทั้งหมดทยอยเสร็จปีหน้า คาดว่าใช้งบประมาณ 1-3 ล้านบาทต่อสาขา เริ่มที่สุขุมวิท 31 ก่อน และยังมีชอปอินชอปในบีทูเอสอีกบางแห่ง เช่น ที่บีทูเอสเซ็นทรัลเวิลด์ และที่โครงการเพลย์ไทม์ เป็นต้น ซึ่งยังคงเดิมและมีแผนขยายเพิ่มกับร้านบีทูเอสด้วย ส่วนร้านแว่นแก้วที่จะเปิดใหม่นั้น ปีนี้คาดว่าเปิด 3 สาขา สาขาแรกทีเซ็นทรัลพระรามสามเปิดแล้ว พื้นที่ 100 ตารางเมตร ลงทุน 5 ล้านบาท และจะมีอีกที่เซ็นทรัลเชียงใหม่ กับเซ็นทรัลขอนแก่น

โดยร้านแว่นแก้วจะมีหนังสือเด็ก ตั้งแต่เด็กถึงอายุ 18 ปี มากกว่า 90% ที่รวมทั้งสื่อการเรียนรู้ที่เป็นนอนบุ๊ก (Non BooK) ด้วย และหนังสือผู้ใหญ่อีก 10% แบ่งเป็นหนังสือไทย 60% ต่างชาติ 40% มีหนังสือประมาณ 30,000 เล่ม โดยได้ตัดทิ้งรายการหนังสือผู้ใหญ่ที่ไม่ใช่ของนานมีบุ๊คส์ออกไปทั้งหมด ตั้งเป้าหมายรายได้สาขาแรกนี้ไว้ที่ 2 ล้านบาทต่อเดือน จากเดิมที่ร้านนานมีบุ๊คส์จะมีหนังสือผู้ใหญ่ที่ไม่ใช่ของบริษัทฯ มาก และมีรายได้เฉลี่ย 1 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งคาดว่าเมื่อปรับเป็นร้านแว่นแก้วหมดแล้วจะมีรายได้เติบโต 30% ซึ่งแต่ละปีนานมีบุ๊คส์จะผลิตหนังสือเด็กออกมาเฉลี่ย 250 ปกต่อปี และหนังสือผู้ใหญ่ 50 ปกต่อปี ซึ่งแว่นแก้วจะเป็นร้านหนังสือเด็กที่ครบวงจรและชัดเจนมากที่สุด เพราะเชนหนังสืออื่นจะมีหนังสือเด็กน้อยกว่าและไม่แยกละเอียดเหมือนแว่นแก้ว

“ตลาดหนังสือเด็กทั่วโลกในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างมากเฉลี่ย 20-30% เพราะคนเป็นพ่อแม่ยอมที่จะลงทุนที่เกี่ยวกับความรู้ให้ลูก ขณะที่ประเทศไทยก็เช่นกัน ตลาดรวมหนังสือมูลค่า 20,000 ล้านบาท เติบโต 5% โดยหนังสือเด็กมีสัดส่วน 30% เช่นเดียวกับเทรนด์ทั่วโลกที่พบว่ากลุ่มสินค้าดิจิตอลปีนี้เติบโตหลักเดียว 5% จากเดิมเติบโตมากกว่า 200% ส่วนตลาดหนังสือเล่มเติบโต 9-12% ซึ่งจากตัวเลขของเราพบว่าลูกค้ามาซื้อหนังสือที่นานมีบุ๊คส์เฉลี่ย 300-500 บาทต่อครั้ง”

นายสิโรตม์ จิระประยูร รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด กล่าวว่า ร้านแว่นแก้วจะมี 2 โมเดล คือ 1. เป็นรีเทลชอป เช่น ที่พระราม 3 และ 2. เป็นทั้งร้านรีเทลหนังสือ โชว์รูมในต่างจังหวัด และเป็นทั้งคลังสินค้าย่อย หรือร้านแซตเทิลไลต์ให้กับพันธมิตรร้านหนังสือในต่างจังหวัดด้วย เรามีเครือข่ายโรงเรียนที่ร่วมมือกันในด้านการเรียนรู้มากกว่า 20,000 โรงเรียน และเครือข่ายร้านค้าพันธมิตรหนังสืออีกมากที่จำหน่ายสินค้าของนานมีบุ๊คส์ ซึ่งสามารถมาที่ร้านแซตเทิลไลต์เพื่อจัดซื้อหนังสือได้

โดยปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวม 820 ล้านบาท เติบโต 25% จากปีที่แล้วที่ทำได้ 600 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 7 เดือนแรกปีนี้เติบโตแล้ว 16.7% โดยสัดส่วนรายได้มาจากขายหนังสือ 80% และที่ไม่ใช่หนังสือ เช่น การอบรม การจัดทำติวเตอร์ 20% โดยภาครีเทลมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 15% คาดว่าจะเพิ่มเป็น 30% หลังจากที่ปรับกลยุทธ์ด้านรีเทลใหม่แล้ว

กำลังโหลดความคิดเห็น