เครือข่ายประชาชนเจ้าของพลังงานเตรียมรวมตัวนับ 1,000 คนวันที่ 23 ส.ค. ที่ตึกสำนักงานใหญ่ ปตท. วิภาวดี จัดเวทีต้านขึ้นราคาแอลพีจี 1 ก.ย.นี้ ย้ำหากไม่ทบทวนเตรียมเคลื่อนไหวใหญ่อีกรอบ 30 ส.ค. ลั่นไม่มีการเมืองมาเพื่อประชาชนทุกสีทุกกลุ่ม ชี้ต้นทุนแอลพีจีมั่ว ปตท.เอาเปรียบ
นายอิฐบูณณ์ อ้นวงษา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า เครือข่ายประชาชนเจ้าของพลังงานจะจัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์ “หยุดราคาแก๊สและน้ำมันที่ไม่เป็นธรรม” วันที่ 23 ส.ค.นี้ ที่หน้าสำนักงานใหญ่บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ซึ่งจะเชิญทุกฝ่ายเข้าร่วมประมาณ 1,000 คน พร้อมกับจะทำการยื่นหนังสือถึงนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน ให้ทบทวนการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือนหรือแอลพีจีในวันที่ 1 ก.ย.นี้ ซึ่งหากรัฐไม่ทบทวนวันที่ 30 ส.ค.จะมีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง
“เรายืนยันว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้ของเครือข่ายเป็นการเปิดกว้างให้ประชาชนทุกคน ทุกกลุ่มไม่จำกัดสีไหน และยืนยันว่าไม่ได้เพื่อที่จะมาล้มรัฐบาลหรือมาเพื่อการเมือง แต่ทั้งหมดเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อประชาชนทุกคนให้ได้รับความเป็นธรรมจากการกำหนดนโยบายพลังงาน และไม่ได้ว่าจะคัดค้านเพื่อใช้ราคาพลังงานต่ำๆ แต่ขอเพียงให้การขึ้นนั้นมีเหตุผลและเป็นธรรมอย่างแท้จริง” นายอิฐบูณณ์กล่าว
ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี เลขานุการอนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านพลังงาน วุฒิสภา และนักวิชาการอิสระ กล่าวว่า ต้องการให้รัฐทบทวนการขึ้นราคาแอลพีจีครัวเรือนที่จะปรับจาก 18.13 บาทต่อกิโลกรัมไปสู่ระดับ 24.82 บาทต่อ กก. เพราะเห็นว่ารัฐอ้างต้นทุนโรงแยกก๊าซทั้งที่ตัวเลขดังกล่าวเป็นเท็จจริง โดยต้นทุนที่แท้จริงยังไม่รวมภาษีฯ ต่างๆ อยู่ที่ 8.80 บาทต่อ กก.เท่านั้น แต่ภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมีได้รับราคาต่ำเพียง 16.20 บาทต่อ กก.
เมื่อการใช้ภาคปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นรัฐได้ขึ้นราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมไม่เกิน 30 บาทต่อ กก. และมีการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงส่วนนี้ถึง 12.55 บาทต่อ กก. แต่ปิโตรเคมีเก็บเพียง 1 บาทต่อ กก. ดังนั้น ส่วนที่เหลือรัฐใช้วิธีเก็บจากผู้ใช้น้ำมันดีเซล เบนซินเฉลี่ย 4-9 บาทต่อลิตรแล้วนำมาจ่ายชดเชยราคาแอลพีจีนำเข้าซึ่งเป็นการอุ้ม ปตท.ทางอ้อมจึงเห็นว่าไม่เป็นธรรม ดังนั้น หากรัฐเก็บเงินจากปิโตรฯ เท่ากับอุตสาหกรรมจะมีเงินไหลเข้ากองทุนฯ 3 หมื่นล้านบาทต่อปี เท่านี้ก็ทำให้ไม่ต้องมาเก็บจากประชาชนเลย ราคาน้ำมันก็จะลดลงทันที
“เวลานี้เราไม่ได้ไม่มีก๊าซธรรมชาติไม่พอ มีมากแต่ ปตท.ผูกขาดท่อแล้วยังไม่ยอมลงทุนสร้างโรงแยกก๊าซใหม่ เหมือนเรากำลังมีข้าวเปลือกแต่ขาดโรงสีจึงบอกให้ไปซื้อข้าวตลาดโลกกิน แบบนี้เลย จึงถือว่าเป็นการบริหารจัดการที่ผิดพลาด และถ้าเราย้อนดูก็จะเห็นว่า ปตท.ไม่เคยขาดทุนจากกิจการก๊าซแต่อย่างใด” ม.ล.กรกสิวัฒน์กล่าว
พ.ท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี ประธานเครือข่ายพ่อแม่เยาวชนเพื่อการปฏิรูปการศึกษา กล่าวว่า ยืนยันว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ได้ทำให้กลุ่มการเมืองใดๆ แต่ทำเพื่อทุกสีและทุกกลุ่ม และไม่ได้จะไล่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาล แต่ต้องการจะชี้ให้เห็นข้อมูลที่เป็นจริง โดยต้องการให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบต้นทุนราคาก๊าซฯ