ดีเคเอสเอชสบช่องธุรกิจอาหารบูม เตรียมดึงแบรนด์ฟูดเข้ามาอีก 2-3 แบรนด์ พร้อมซุ่มพัฒนาแบรนด์ตัวเองรับเออีซี หลังเปิดตัว “มิสซิส ฟิลด์ส” คุกกี้พรีเมียมจากอเมริกาประสบความสำเร็จ พร้อมขยายเพิ่มอีก 5 สาขาสู่ 10 สาขาด้วยงบกว่า 25 ล้านบาทในปีนี้
นายสุชีพ ศรีพฤฒา รองประธานอำนวยการบริหารหน่วยธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากแนวโน้มธุรกิจอาหารที่เติบโตอย่างมากในไทย ปีที่ผ่านมาบริษัทจึงได้นำเข้าแบรนด์ มิสซิส ฟิลด์ส (Mrs. Fields) ซึ่งเป็นพรีเมียมซอฟต์คุกกี้เข้ามาทำตลาด และถือเป็นแบรนด์แรกในกลุ่มธุรกิจฟูดรีเทล
โดยปัจจุบันมีจำนวนสาขาที่เปิดให้บริการแล้ว 6 สาขา ขณะที่ในปีนี้เตรียมเปิดเพิ่ม 5 สาขา เฉลี่ยลงทุนสาขาละ 5 ล้านบาท รวมแล้วกว่า 25 ล้านบาท จากปีก่อนเปิดไป 5 สาขา ถึงสิ้นปีจะเปิดให้ครบ 10 สาขา โดยสาขาที่ 7 จะเปิดให้บริการในวันที่ 15 ส.ค.นี้ ที่ เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า
“บริษัทจะให้ความสำคัญต่อมิสซิส ฟิลด์สก่อน และตามแผนงานเตรียมนำเข้าแบรนด์ใหม่ๆ อีก 2-3 แบรนด์เกี่ยวกับฟูดและสแน็กที่จะรุกตลาดต่อไปด้วย พร้อมกันนี้ยังได้มีการพัฒนากลุ่มฟูดที่เป็นแบรนด์ของตัวเองอีก 1 แบรนด์สู่โอกาสในการเปิดเออีซี ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเปิดหรือไม่เปิดก็ได้ เพราะต้องอาศัยเวลา และอาศัยคนอื่นช่วยทำวิจัยให้ ดังนั้นเบื้องต้นจึงมุ่งนำเข้าแบรนด์จากต่างประเทศเข้ามาบริหารมากกว่า ด้วยจุดแข็งด้านการจัดจำหน่ายมากกว่าพัฒนาแบรนด์ขึ้นมาเอง”
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาพบว่ายอดขายเป็นไปตามเป้า หรือลูกค้ามียอดใช้จ่ายต่อบิลที่ 200 บาทต่อครั้ง และมีฐานสมาชิกแล้วกว่า 8,000 ราย ถึงสิ้นปีน่าจะเพิ่มเป็น 10,000 รายได้
โดยครึ่งปีหลังนี้ค่อนข้างกังวลเรื่องของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสามนี้ แต่พอเข้าไตรมาสสี่เชื่อว่ากำลังซื้อจะกลับมาคึกคักอีกครั้งเนื่องจากเป็นช่วงของการขาย และเชื่อว่าจะมีการทำโปรโมชันกระตุ้นการซื้อค่อนข้างมาก ในส่วนของมิสซิส ฟิลด์สเชื่อว่าจะมีรายได้ตามเป้า เพราะเป็นกลุ่มสินค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายระดับพรีเมียม และเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ
ปัจจุบันตลาดพรีเมียมเบเกอรีมีมูลค่า 4,000 ล้านบาท และกว่า 60% มาจากคุกกี้ ขณะที่พรีเมียมซอฟต์คุกกี้มีเพียงมิสซิส ฟิลด์ส ทำตลาดอยู่เพียงแบรนด์เดียว ซึ่งมิสซิส ฟิลด์ส ยังทำรายได้ให้บริษัทอยู่น้อยมาก โดยกลุ่มฟูดรีเทลถือเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสินค้า FMCG (Fast Moving Consumer Goods) ที่ทำรายได้ให้บริษัทปีละไม่ต่ำกว่า 70,000 ล้านบาท
