ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ประกาศมาตรการใหม่เพื่อดูดซับเม็ดเงินออกจากระบบการเงิน โดยมีจุดประสงค์เพื่อแก้ไขความผันผวนในตลาดสกุลเงิน หลังจากมาตรการหลายขั้นตอนที่ RBI ประกาศออกมา ในเดือนก.ค.ไม่สามารถพยุงสกุลเงินรูปีให้แข็งค่าขึ้นมาได้
RBI ระบุในแถลงการณ์ว่า RBI จะเปิดประมูลตั๋วเงินคลัง CMB (cash management bill) ในวงเงิน 2.20 แสนล้านรูปี (3.59 พันล้านดอลลาร์) ทุกวันจันทร์ แต่ไม่ได้ระบุว่าจะดำเนินมาตรการนี้เป็นเวลานานกี่สัปดาห์
ก่อนหน้านี้ RBI ได้ประกาศมาตรการชุดหนึ่งในวันที่ 15 ก.ค. ซึ่งรวมถึงมาตรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อดูดซับเม็ดเงินออกจากระบบการเงิน และหลังจากนั้น RBI ได้ประกาศมาตรการเพิ่มเติมในวันที่ 23 ก.ค.
อย่างไรก็ดี มาตรการเหล่านี้ไม่สามารถพยุงค่าเงินรูปีได้สำเร็จ โดยรูปีดิ่งลง 1.6 % นับตั้งแต่ RBI ประกาศมาตรการขั้นต้นในช่วงกลางเดือนก.ค. และรูปีได้ลงไปทำสถิติต่ำสุดใหม่ที่ 61.80 รูปี/ดอลลาร์ ในวันอังคารที่ 6 ส.ค.
RBI ประกาศมาตรการใหม่ออกมาในช่วงที่นักลงทุนกำลังคาดการณ์กันว่า รัฐบาลจะออกมาตรการดึงดูดเงินลงทุนของต่างชาติ โดยมีจุดประสงค์เพื่อปรับลดยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่สูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งยอดขาดดุลดังกล่าวเป็นปัจจัยหลักที่กดดันค่าเงินรูปี
การคาดการณ์ที่ว่าอินเดียจะประกาศมาตรการใหม่ในช่วงสุดสัปดาห์ เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนรูปีให้แข็งค่าขึ้นเมื่อวานนี้ โดยรูปีปรับขึ้นจาก 61.30/61.31 รูปี/ดอลลาร์ในวันพุธ สู่ 60.88/60.89 รูปี/ดอลลาร์ เมื่อวานนี้ และการแข็งค่าดังกล่าวถือเป็นการแข็งค่าครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์
นายอาชิช ปาร์ธาซาร์ธี หัวหน้าฝ่ายการคลังของธนาคาร HDFC กล่าวว่า "นักลงทุนบางคนเคยตั้งความหวังว่า อินเดียจะยกเลิกมาตรการที่เคยประกาศไว้ในช่วงก่อนหน้านี้ และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ราคาพันธบัตรพุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ดี มาตรการที่ออกมาเมื่อวานนี้บ่งชี้ว่า จะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งก่อนที่อินเดียจะยกเลิกมาตรการ"
นายปาร์ธาซาร์ธีกล่าวว่า "เป็นเรื่องยากที่จะระบุว่า มาตรการนี้จะส่งผลกระทบต่อรูปีหรือไม่ เพราะหลายคนในตลาดมองว่า รูปีอ่อนค่าลงมามากแล้วในช่วงที่ผ่านมา และโอกาสที่รูปีจะดิ่งลงอย่างรุนแรงจากระดับปัจจุบันก็ไม่มากเท่าแต่ก่อน"
นักลงทุนกังวลว่า มาตรการที่ RBI ประกาศออกมาในช่วงนี้อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอินเดีย โดยเศรษฐกิจอินเดียเติบโต 5 % ในขณะนี้ ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรัฐบาลอินเดียประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นมาแล้ว 0.57 % นับตั้งแต่ RBI ประกาศมาตรการชุดแรก อย่างไรก็ดีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้ปรับลดลงจากจุดสูงสุดที่ 8.50 % ในวันที่ 24 ก.ค. สู่ระดับ 8.12 % เมื่อวานนี้
เทรดเดอร์กล่าวว่า มาตรการชุดใหม่นี้อาจจะส่งผลบวกต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรในวันที่ 12 ส.ค. ในขณะที่ตลาดอินเดียปิดทำการในวันนี้เนื่องในวันหยุดประจำชาติ
RBI ระบุว่า รายละเอียดของการขายตั๋วเงินคลัง CMB แต่ละรายการ จะมีการประกาศออกมาในเวลาหนึ่งวันก่อนการเปิดประมูลขาย
เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดีย ซึ่งรวมถึงนายพี. ชิดัมบารัม รมว.คลังอินเดียกล่าวในช่วงก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลอาจจะดำเนินมาตรการดึงดูดเงินทุนของต่างชาติเพื่อลดยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัด และมาตรการดังกล่าวอาจรวมถึงการระดมทุนจากชาวอินเดียในต่างประเทศ และการกระตุ้นให้บริษัทของรัฐบาลกับธนาคารออกตราสารหนี้ในต่างประเทศ
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak
RBI ระบุในแถลงการณ์ว่า RBI จะเปิดประมูลตั๋วเงินคลัง CMB (cash management bill) ในวงเงิน 2.20 แสนล้านรูปี (3.59 พันล้านดอลลาร์) ทุกวันจันทร์ แต่ไม่ได้ระบุว่าจะดำเนินมาตรการนี้เป็นเวลานานกี่สัปดาห์
ก่อนหน้านี้ RBI ได้ประกาศมาตรการชุดหนึ่งในวันที่ 15 ก.ค. ซึ่งรวมถึงมาตรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อดูดซับเม็ดเงินออกจากระบบการเงิน และหลังจากนั้น RBI ได้ประกาศมาตรการเพิ่มเติมในวันที่ 23 ก.ค.
อย่างไรก็ดี มาตรการเหล่านี้ไม่สามารถพยุงค่าเงินรูปีได้สำเร็จ โดยรูปีดิ่งลง 1.6 % นับตั้งแต่ RBI ประกาศมาตรการขั้นต้นในช่วงกลางเดือนก.ค. และรูปีได้ลงไปทำสถิติต่ำสุดใหม่ที่ 61.80 รูปี/ดอลลาร์ ในวันอังคารที่ 6 ส.ค.
RBI ประกาศมาตรการใหม่ออกมาในช่วงที่นักลงทุนกำลังคาดการณ์กันว่า รัฐบาลจะออกมาตรการดึงดูดเงินลงทุนของต่างชาติ โดยมีจุดประสงค์เพื่อปรับลดยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่สูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งยอดขาดดุลดังกล่าวเป็นปัจจัยหลักที่กดดันค่าเงินรูปี
การคาดการณ์ที่ว่าอินเดียจะประกาศมาตรการใหม่ในช่วงสุดสัปดาห์ เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนรูปีให้แข็งค่าขึ้นเมื่อวานนี้ โดยรูปีปรับขึ้นจาก 61.30/61.31 รูปี/ดอลลาร์ในวันพุธ สู่ 60.88/60.89 รูปี/ดอลลาร์ เมื่อวานนี้ และการแข็งค่าดังกล่าวถือเป็นการแข็งค่าครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์
นายอาชิช ปาร์ธาซาร์ธี หัวหน้าฝ่ายการคลังของธนาคาร HDFC กล่าวว่า "นักลงทุนบางคนเคยตั้งความหวังว่า อินเดียจะยกเลิกมาตรการที่เคยประกาศไว้ในช่วงก่อนหน้านี้ และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ราคาพันธบัตรพุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ดี มาตรการที่ออกมาเมื่อวานนี้บ่งชี้ว่า จะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งก่อนที่อินเดียจะยกเลิกมาตรการ"
นายปาร์ธาซาร์ธีกล่าวว่า "เป็นเรื่องยากที่จะระบุว่า มาตรการนี้จะส่งผลกระทบต่อรูปีหรือไม่ เพราะหลายคนในตลาดมองว่า รูปีอ่อนค่าลงมามากแล้วในช่วงที่ผ่านมา และโอกาสที่รูปีจะดิ่งลงอย่างรุนแรงจากระดับปัจจุบันก็ไม่มากเท่าแต่ก่อน"
นักลงทุนกังวลว่า มาตรการที่ RBI ประกาศออกมาในช่วงนี้อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอินเดีย โดยเศรษฐกิจอินเดียเติบโต 5 % ในขณะนี้ ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรัฐบาลอินเดียประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นมาแล้ว 0.57 % นับตั้งแต่ RBI ประกาศมาตรการชุดแรก อย่างไรก็ดีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้ปรับลดลงจากจุดสูงสุดที่ 8.50 % ในวันที่ 24 ก.ค. สู่ระดับ 8.12 % เมื่อวานนี้
เทรดเดอร์กล่าวว่า มาตรการชุดใหม่นี้อาจจะส่งผลบวกต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรในวันที่ 12 ส.ค. ในขณะที่ตลาดอินเดียปิดทำการในวันนี้เนื่องในวันหยุดประจำชาติ
RBI ระบุว่า รายละเอียดของการขายตั๋วเงินคลัง CMB แต่ละรายการ จะมีการประกาศออกมาในเวลาหนึ่งวันก่อนการเปิดประมูลขาย
เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดีย ซึ่งรวมถึงนายพี. ชิดัมบารัม รมว.คลังอินเดียกล่าวในช่วงก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลอาจจะดำเนินมาตรการดึงดูดเงินทุนของต่างชาติเพื่อลดยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัด และมาตรการดังกล่าวอาจรวมถึงการระดมทุนจากชาวอินเดียในต่างประเทศ และการกระตุ้นให้บริษัทของรัฐบาลกับธนาคารออกตราสารหนี้ในต่างประเทศ
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak
