ปธ.กลุ่มฉวีวรรณกรุ๊ป สับนโยบายแก้ค่าบาท รัฐหลงทาง

ศูนย์ข่าวศรีราชา - ประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือฉวีวรรณกรุ๊ป ผู้ส่งออกเนื้อไก่ปรุงสุกไทย จี้รัฐเร่งแก้ปัญหาค่าเงินก่อนเกิดวิกฤตลามทุกภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการส่งออกเนื้อไก่ที่ส่อเค้าเสี่ยงขาดทุนจากการกำหนดราคาขายล็อตใหม่ในอีก 2 เดือนข้างหน้า ต้านนโยบายนำเงินคงคลังสู้ค่าบาท หวั่นเศรษฐกิจพังทั้งประเทศ

วันนี้ (2 พ.ค.) นางฉวีวรรณ คำพา ประธานกรรมการ บริษัท ฉวีวรรณฟาร์ม จำกัด ผู้ส่งออกเนื้อไก่ปรุงสุกไปยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น กล่าวว่า เงินบาทที่แข็งค่าแตะระดับ 29.33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แม้จะยังไม่กระทบต่อการส่งออกเนื้อไก่ปรุงสุก และเนื้อไก่ดิบ เพราะยังมีปัจจัยบวกเรื่องการโรคไข้หวัดนกระบาดในประเทศจีน ทำให้คู่ค้าหลายรายหันมาสั่งซื้อเนื้อไก่จากไทย ทำให้การส่งออกในไตรมาส 2 ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด

แต่หากรัฐบาลยังไม่สามารถแก้ปัญหาค่าเงินที่เกิดขึ้นได้ คาดว่าอีก 1-2 เดือนข้างหน้า ผู้ส่งออกเนื้อไก่ไทยจะไม่กล้ากำหนดราคาขายล็อตใหม่แก่ประเทศคู่ค้า เพราะเกรงว่าอาจประสบปัญหาขาดทุนจากการแกว่งตัวของค่าเงิน ซึ่งอาจทำให้สูญเสียโอกาสทางการค้าได้

“ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการทุกระดับของประเทศต่างได้รับผลกระทบจากนโยบายประชานิยมของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการปรับค่าแรงขั้นต่ำที่ก้าวกระโดดเกือบ 50% ทำให้ผู้ประกอบการขนาดกลาง และเล็กต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นจนเกือบอยู่ไม่ได้ ซ้ำยังเจอกับค่าเอฟที และต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น ปัจจุบัน ยังต้องมาเจอเรื่องค่าเงินบาทแข็ง และยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ ยิ่งเป็นการซ้ำเติมปัญหาให้หนักขึ้น เช่นเดียวกับฉวีวรรณกรุ๊ป ที่ต้องแบกรับปัญหาขาดทุนจากต้นทุนการผลิตมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2556 แต่เพราะสายป่านทางการเงินที่ได้เปรียบจึงทำให้ยังประคองธุรกิจให้อยู่รอดได้”

นางฉวีวรรณ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจไทย คือ การที่รัฐบาลใช้คนที่ไม่รู้จริงเข้ามาแก้ไข ทำให้สูตรการแก้ปัญหาค่าเงินของไทยเป็นไปแบบไร้ทิศทาง เช่นเดียวกับความต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทยลดอัตราดอกเบี้ยพื้นฐาน ซึ่งตนมองว่าไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุด เพราะการลดดอกเบี้ยช่วยได้เพียงการป้องกันไม่ให้ต่างชาติเข้ามาเก็งกำไรจากค่าเงิน และลดการไหลเข้ามาของเงินตราต่างประเทศเท่านั้น

แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการเห็นจากรัฐบาล คือ ออกมาตรการให้สถาบันการเงินในประเทศปล่อยเงินกู้เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้เกิดสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ถือเป็นการต่อสายป่านให้เลี้ยงคน เลี้ยงพนักงานให้อยู่รอดได้ ส่วนกระแสข่าวที่จะมีการนำเงินคงคลังออกมาพยุงค่าเงินบาท ถือเป็นวิธีการคิดที่ผิด และจะไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศแน่นอน

“จะนำเงินคงคลังออกมาสู้กับค่าเงินบาท ต้องถามกลับไปว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่จึงจะสู้ได้ ทางที่ดีรัฐบาลควรออกมาตรการผลักดันให้สถาบันการเงินช่วยผู้ประกอบการ ด้วยการใช้เงินบาทไทยแก้ปัญหาค่าเงินบาทในประเทศจะดีกว่า ส่วนผู้ส่งออก และผู้ประกอบการก็จะต้องระมัดระวังตัวเองให้มากในเรื่องการผลิต และการใช้เงินลงทุน แทนการรอความช่วยเหลือจากรัฐบาล”