xs
xsm
sm
md
lg

คาดภาพลักษณ์ “เจนี่” กระเทือนสินค้าหลายแบรนด์ดัง!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - นักการตลาดชี้กรณี “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” จดทะเบียนกับ “ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม” ทายาทนักการเมืองชื่อดัง อดีตสามี “ตู่-นันทิดา แก้วบัวสาย” เป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล แต่อาจจะกระทบการเป็นภาพลักษณ์สินค้าได้ เผยสินค้ายึดถือ 3 ปัจจัยหลักเลือกพรีเซ็นเตอร์

นายเขมทัตต์ พลเดช นักการตลาดผู้คร่ำหวอดในวงการตลาด มีเดีย และเอเยนซี กล่าวให้ความเห็นในฐานะนักการตลาดถึงกรณีข่าวจดทะเบียนสมรสสายฟ้าแลบระหว่างดาราสาว “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์” กับ “ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม” ทายาทนักการเมืองชื่อดัง ซึ่งเป็นอดีตสามีนักร้องรุ่นใหญ่ “นันทิดา แก้วบัวสาย” เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมาว่าจะกระทบต่อการเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าต่างๆ หรือไม่ว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ในฐานะที่เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ เป็นศิลปินระดับแถวหน้าของเมืองไทยและทำหน้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้สินค้าหลายๆ แบรนด์ จึงเชื่อว่าย่อมได้รับผลกระทบต่อการทำหน้าที่อย่างแน่นอน โดยเฉพาะในแง่ของการเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งโดยปกติเจ้าของสินค้ามักใช้ปัจจัยสำคัญ 3 ด้านในการพิจารณาผู้มาทำหน้าที่ คือ เรื่องความเป็นซูเปอร์สตาร์ การได้รับความนิยมจากผู้ชม และสถานภาพโสด

“เมื่อพิจารณารายละเอียดของปัจจัยทั้ง 3 ด้านจะพบว่าถ้าเป็นซูเปอร์สตาร์ก็ย่อมไม่มีปัญหาใดๆ อย่างแน่นอน ขณะที่การได้รับความนิยมจากผู้ชมและสังคมนั้นหากศิลปินรายใดสามารถรักษาภาพลักษณ์ที่ดีได้ตลอดเวลาก็ย่อมไม่มีปัญหาแม้จะมีอายุเพิ่มมากขึ้นก็ตาม ดังจะเห็นได้ว่ามีสินค้าหลายๆ แบรนด์ที่นิยมใช้ศิลปินวัยกลางคน หรือสูงอายุเป็นผู้ทำหน้าที่นำเสนอสินค้าและบริการ ขณะที่เรื่องสถานภาพถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญมาก เพราะหากศิลปินรายใดมีครอบครัวย่อมทำให้ข้อได้เปรียบในการเป็นพรีเซ็นเตอร์ลดลง เพราะจะมีเพียงสินค้าและบริการไม่กี่ประเภทเท่านั้นที่จะใช้ศิลปินผู้นั้นเป็นพรีเซ็นเตอร์ เช่น สินค้าประเภทแม่และเด็ก เฟอร์นิเจอร์ ที่อยู่อาศัย และสถาบันการเงิน เป็นต้น”

สำหรับกรณีนี้เชื่อว่าสินค้าหลายๆ ประเภทอาจมีการทบทวนว่าจะยังคงใช้ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ เป็นพรีเซ็นเตอร์ต่อหรือไม่ และคงต้องเป็นหน้าที่หลักของเอเยนซีผู้รับผิดชอบที่จะต้องคิดและกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของสินค้าให้เป็นที่นิยมของผู้บริโภคต่อไป ซึ่งตนเชื่อว่าในแง่ของเจ้าของสินค้าคงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากคนไทยมีอุปนิสัยรักง่าย หน่ายเร็ว ขณะที่ในวงการบันเทิงก็สามารถหาคนใหม่เข้ามาทดแทนได้เรื่อยๆ

การรักษาภาพลักษณ์ส่วนบุคคลของศิลปินแต่ละรายจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้แฟนคลับมีแบรนด์รอยัลตีต่อศิลปินรายนั้นมากน้อยเพียงใด เพราะแม้จะยังคงได้รับความนิยมเช่นเดิม แต่หากถูกสินค้าถอดออกจากการทำหน้าที่พรีเซ็นเตอร์ หรือถูกวงการแบนเรื่องผลงานก็ย่อมทำให้โอกาสที่จะนำเสนอผลงานผ่านสื่อต่างๆ ลดน้อยลงตามไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยอีกด้านหนึ่งที่มีผลต่อการทำหน้าที่พรีเซ็นเตอร์คือเรื่องวงจรอายุของสินค้าและบริการ ซึ่งหากเทียบกับประเทศทางแถบยุโรปหรือสหรัฐอเมริกาแล้วอาจมีผลกระทบไม่มากนัก ตรงข้ามกับเอเชียซึ่งมีความคาดหวังสูงต่อตัวศิลปินมากกว่าสินค้าและบริการ โดยเฉพาะประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ดังจะเห็นได้จากข่าวการฆ่าตัวตายของศิลปินเป็นจำนวนมากเมื่อเกิดปัญหาส่วนตัวขึ้นเนื่องจากได้รับแรงกดดันจากแฟนคลับ

“เหตุการณ์นี้แม้ถือเป็นเรื่องส่วนตัวและสิทธิบุคคล แต่ผมเชื่อว่าตัวศิลปินย่อมได้รับแรงกดดันจากสังคมมาก เพราะเราต้องยอมรับว่าสังคมไทยมีความคาดหวังต่อศิลปินหญิงสูงกว่าชาย ซึ่งในแง่หนึ่งแล้วผมเห็นว่าเป็นเรื่องไม่ยุติธรรมต่อตัวศิลปินมากนักเพราะเราไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริง หรือหากเป็นเหตุผลที่แท้จริงแต่ตัวศิลปินสามารถพลิกเกมแก้ปัญหาได้ก่อนก็คงจะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ในทำนองกลับกันหากกรณีที่เกิดขึ้นเป็นศิลปินชายก็อาจจะได้รับความเข้าใจจากสังคมมากกว่า”
จากเหตุการณ์นี้แม้เจ้าของแบรนด์สินค้าอาจจะยัง OK กับหน้าที่พรีเซ็นเตอร์ของ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์ แต่เชื่อว่าเจ้าตัวคงไม่ OK กับสถานการณ์ที่เป็นอยู่แน่
** “เจนี่” เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าเพียบ!
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับความดังและความร้อนแรงของดาราสาว เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ทำให้ช่วงที่ผ่านมามีสินค้าหลายแบรนด์แตกต่างกันไปในหลายเซกเมนต์ที่แต่งตั้งให้ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ เป็นทั้งพรีเซ็นเตอร์และแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ด้วย

นับตั้งแต่ปีที่แล้วที่ละครเรื่อง “แรงเงา” ออกฉายและจบไปก็สร้างกระแสและความฮือฮาทั้งในด้านบวกและลบให้ดาราสาวคนนี้ไม่น้อย มีสินค้าจำนวนมากที่แห่มาให้เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์เพราะหวังความดังช่วยสร้างแบรนด์สินค้า แต่ก็มีสินค้าไม่น้อยที่ไม่กล้าเพราะกลัวความดังในแง่ลบจะทำเอาสินค้าตัวเองเสียไปด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงปลายปีที่แล้วก็มีสินค้าใหม่ของบริษัท เฮาส์ โอสถสภา จำกัด ที่ร่วมทุนระหว่างบริษัทเฮาส์ของญี่ปุ่น กับบริษัท โอสถสภา ของไทย เปิดตัวสินค้าเครื่องดื่มใหม่เกี่ยวกับสุขภาพแบรนด์ซี-วิท

ขณะที่ปีนี้ก็มีสินค้าอีกหลายแบรนด์ทยอยยกตำแหน่งพรีเซ็นเตอร์ให้อีก เช่น รถจักรยานยนต์ยามาฮ่าฟีโน่ ที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ร่วมกับ โจอี้บอย กับ วู้ดดี้ และยังมีสแน็กอีกคือแบรนด์โอเค แซนด์วิชบิสกิตของบริษัท บิ๊กวัน อินเตอร์เทรด จำกัด

นอกจากนี้ยังมีสินค้าเกี่ยวกับความงามอีก เช่น เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้เมย์เบลลีนนิวยอร์ก กับสินค้าใหม่ เมย์เบลลีน เคลียร์สมูท บีบี ซิลค์ พอร์เลส ไวท์ เอสพีเอฟ 21 พีเอ รวมทั้งเป็นพรีเซ็นเตอร์และแบรนด์แอมบาสซาเดอร์สินค้าน้ำยาปรับผ้านุ่มแบรนด์ไฟน์ไลน์ของบริษัท พีแอนด์จี ประเทศไทย จำกัด นอกจากนั้นก็ยังมีชาแบรนด์เรนองทีอีกด้วย โดยขณะนี้แต่ละแบรนด์ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ออกมา ซึ่งอาจจะคงเป็นเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวดเร็วแบบไม่มีใครคาดคิดก็เป็นได้


กำลังโหลดความคิดเห็น