“พาณิชย์” เล็งหารือสมาคมการค้า 2,211 แห่ง หวังนำข้อสรุปมากำหนดนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนธุรกิจ พร้อมประสานบัวแก้วตั้งกงสุลช่วยนักธุรกิจรายย่อยที่ออกไปหาวัตถุดิบอัญมณีในโมซัมบิก
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเชิญสมาคมการค้าต่างๆ ทั่วประเทศมาร่วมกันวางยุทธศาสตร์ในการพัฒนาธุรกิจแต่ละสาขา โดยให้พิจารณาประเด็นปัญหา แนวทางการให้ความช่วยเหลือจากภาครัฐ เพื่อให้ธุรกิจไทยเข้มแข็งและแข่งขันได้ และเมื่อได้ข้อสรุปแล้วก็จะนำเสนอต่อรัฐบาลเพื่อกำหนดเป็นนโยบายในการให้การสนับสนุนและช่วยเหลือภาคธุรกิจต่อไป
“ขอให้ไปนัดหารือกับสมาคมต่างๆ เป็นรายกลุ่ม ในการกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งให้ไปหารือว่าโครงการต่างๆ ของรัฐบาลแต่ละสมาคมต้องการให้ข้อเสนอแนะอะไร อย่างเช่น โครงการโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ถ้าผู้ประกอบการต้องการให้มีการสร้างถนนหรือระบบลอจิสติกส์ตรงไหนที่เป็นประโยชน์ในภาพรวม กระทรวงพาณิชย์ก็พร้อมที่จะไปหารือกับกระทรวงคมนาคมในการเพิ่มหรือขยายเส้นทางต่างๆ ต่อไป”
ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีสมาคมการค้าที่เป็นตัวแทนภาคธุรกิจสาขาต่างๆ ทั่วประเทศจำนวน 2,211 สมาคม แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 673 สมาคม หรือคิดเป็น 30% ในต่างจังหวัด 1,538 สมาคม คิดเป็น 70%
นอกจากนี้ยังมีแผนสนับสนุนให้สมาคมการค้าเข้ามามีบทบาทในการเป็นศูนย์กลางพัฒนาผู้ประกอบธุรกิจมากขึ้น เพื่อให้ธุรกิจแต่ละสาขาเกิดการรวมตัว และร่วมกันพัฒนาธุรกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบธุรกิจไทยให้เข้มแข็ง และเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบธุรกิจไทยสามารถแข่งขันในตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่จะเปิดในปี 2558 โดยสามารถเชื่อมโยงถึงโลกการค้าที่มีการแข่งขันเชิงการบริหารจัดการและเชิงกลยุทธ์ได้
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศในการหามาตรการดูแลด้านความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการรายย่อยประมาณ 1,000 รายที่ไปทำธุรกิจหรือไปซื้อวัตถุดิบอัญมณีในประเทศโมซัมบิก ตามที่สมาพันธ์อัญมณีเครื่องประดับและโลหะมีค่าแห่งประเทศไทยเสนอ เนื่องจากผู้ประกอบการไทยหลายรายได้รับความเดือดร้อนจากการถูกปล้น หรือถูกจี้ จนต้องสูญเสียทรัพย์สินจำนวนมาก
ทั้งนี้ เบื้องต้นได้เสนอให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาเปิดสถานกงสุลไทยในโมซัมบิก แต่ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศมีแนวคิดที่จะเปิดใหญ่เป็นสถานเอกอัครราชทูตไทย ซึ่งหากดำเนินการได้ก็จะช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยในการทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น
