แอลจีเดินหน้าปรับอัตลักษณ์แบรนด์ใหม่ ขอนั่งบัลลังก์แบรนด์ที่ 1 ในใจผู้บริโภคทั่วโลกภายในปี 2020 ส่วนในไทยพร้อมฉลอง 25 ปี เทงบการตลาดร่วม 1,200 ล้านบาทลุยตลอดปี ล่าสุดส่งแคมเปญโปรโมชัน LG 25th Anniversary Sale ตั้งแต่เดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ หวังเพิ่มยอดขายครึ่งปีหลังได้อีก 300 ล้านบาท ส่งภาพรวมรายได้สู่ 20,000ล้านบาท โต 10%
นางสาวศุภรางศุ์ อนุชปรีดา หัวหน้ากลุ่มสื่อสารการตลาดและองค์กร บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมาแอลจีทั่วโลกมีนโยบายปรับอัตลักษณ์ใหม่ โดยได้กำหนดพันธสัญญาของแบรนด์เพื่อสร้างรอยยิ้มให้แก่ผู้บริโภคผ่านนวัตกรรมของแอลจี หรือ “innovation that makes you SMILE.” โดยตั้งเป้าขึ้นเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภคภายในปี 2020 หรืออีกใน 6-7 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันแอลจีอยู่ในอันดับท็อป 3 รองจากแบรนด์เกาหลีด้วยกัน และญี่ปุ่นอีก 1 แบรนด์
ส่วนในไทยนั้นพร้อมดำเนินการปรับอัตลักษณ์แบรนด์ใหม่ในครั้งนี้ ที่มาพร้อมกับการฉลองปีที่ 25 ในประเทศไทย โดยยึดหลักตามนโยบาย 3 ข้อ คือ 1. การสร้างแรงบันดาลใจ 2. การยกระดับการใช้ชีวิต และ 3. พันธกิจในการสร้างรอยยิ้ม โดยในไทยจะเน้นการใช้กลยุทธ์ 3 ข้อ คือ 1. ตอกย้ำความชื่นชอบต่อแบรนด์และความจงรักภักดีของลูกค้า 2. เพิ่มแนวโน้มในการตัดสินใจซื้อสินค้า และ 3. เสริมภาพลักษณ์ความเป็นพรีเมียมแบรนด์ผ่าน 3 ช่องทางการตลาด คือ PR, CSR, Digital, CRM และ Promotion สู่เป้าหมายการเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภคให้ได้ในอีก 5 ปีหลังจากนี้ จากปัจจุบันอยู่ในอันดับท็อป 3 ภายใต้งบการตลาดรวมตลอดทั้งปีที่ 1,200 ล้านบาท ใช้มากกว่าปีก่อน 100 ล้านบาท
“ที่ผ่านมาแอลจียังสื่อสารกับผู้บริโภคไม่ตรงจุด ครั้งนี้ถือเป็นการปรับอัตลักษณ์เพื่อต้องการสื่อสารในมุมของผู้บริโภคมากขึ้น โดยเฉพาะในไทยกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงล่างเป็นกลุ่มหลักที่ต้องการสื่อถึง เพราะเป็นฐานลูกค้าที่สำคัญในการสร้างยอดขาย”
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังได้จัดแคมเปญ โปรโมชัน LG 25th Anniversary Sale ตั้งแต่เดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ โดยลดราคาสูงสุดถึง 50% คาดว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท เชื่อว่าจะส่งผลให้ภาพรวมรายได้บริษัทในสิ้นปีนี้เติบโตที่ 10% หรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท มาจากกลุ่มจอภาพและเสียง40% เอชเอ 35% และอีก 25% มาจากเครื่องปรับอากาศและมือถือรวมกัน
นางสาวศุภรางศุ์ กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าในปีนี้มองว่าจะเติบโตได้ประมาณ 8-9% เป็นการเติบโตระดับปกติ โดยกลุ่มจอภาพยังเติบโตได้ดีอยู่เช่นปีก่อน และกลุ่มมือถือเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่นที่สุดไม่ต่ำกว่า 50% ที่เหลือเติบโตปกติไม่หวือหวา ส่วนในปีหน้าเชื่อว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าจะกลับมาคึกคักอีกครั้งจากอีเวนต์ใหญ่ที่จะเกิดขึ้น อย่างเวิลด์คัพ รวมถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ของกลุ่มจอภาพที่จะเข้ามาอีก เป็นต้น