ผลประกอบการ บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ไตรมาสสองปี 56 ยอดขายโต 8.1% รายได้จากค่าเช่าและค่าบริการโต 11.9% ดันกำไรสุทธิโตอย่างมีนัยสำคัญ 13.1% อยู่ที่ 1,569 ล้านบาท
นางสาวรำภา คำหอมรื่น รองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIGC เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของปี 2556 ว่า บริษัทมีผลประกอบการเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง “ยอดขายไตรมาส 2 ของปี 2556 อยู่ที่ 29,990 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2,238 ล้านบาท หรือ 8.1% รายได้จากค่าเช่าและค่าบริการในไตรมาส 2 อยู่ที่ 2,209 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 236 ล้านบาท หรือเติบโต 11.9% ซึ่งผลประกอบการที่ดีนี้ส่งผลให้กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 4,252 ล้านบาท และผลกำไรสุทธิไตรมาส 2 ของปี 2556 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญถึง 13.1% อยู่ที่ 1,569 ล้านบาท”
“ผลประกอบการที่ดีในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2556 เป็นผลสำเร็จต่อเนื่องจากยอดขายของสาขาเดิมที่เพิ่มสูงขึ้นจากความสำเร็จของกลยุทธ์การตลาด การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้ค่าเช่าและค่าบริการ การบริหารต้นทุน และรายได้จากการเปิดสาขาใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้บิ๊กซีสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างตรงจุด ทั้งด้านความเป็นผู้นำด้านราคาถูก บริการและการอำนวยความสะดวกที่เน้นให้บิ๊กซีเป็นศูนย์กลางในการจับจ่ายใช้สอยอย่างครบวงจร การทำการตลาดทั้งแบบเจาะกลุ่มลูกค้าและแบบเจาะจงกลุ่ม ซึ่งได้ดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาใช้บริการที่บิ๊กซีอย่างต่อเนื่องและเป็นประจำ”
“ในไตรมาส 2 ของปี 2556 บิ๊กซีได้ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดไฮเปอร์มาร์เกต 1 สาขาในจังหวัดอ่างทอง บิ๊กซีมาร์เกต 3 สาขา ที่อำเภอหัวหิน เกาะพะงัน และตาคลี มินิบิ๊กซี 36 สาขา (ในจำนวนนี้ 19 สาขาอยู่ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก) และร้านขายยาเพรียว 15 สาขา ทำให้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 บิ๊กซีมีไฮเปอร์มาร์เกตรวม 115 สาขา บิ๊กซีมาร์เกต 22 สาขา มินิบิ๊กซี 194 สาขา และร้านขายยาเพรียว 110 สาขา”
“เราจะเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทุกรูปแบบ พร้อมได้เริ่มก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่สำหรับมินิบิ๊กซี เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่องตามแผนการขยายธุรกิจ” นางสาวรำภา สรุป
นางสาวรำภา คำหอมรื่น รองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIGC เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของปี 2556 ว่า บริษัทมีผลประกอบการเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง “ยอดขายไตรมาส 2 ของปี 2556 อยู่ที่ 29,990 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2,238 ล้านบาท หรือ 8.1% รายได้จากค่าเช่าและค่าบริการในไตรมาส 2 อยู่ที่ 2,209 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 236 ล้านบาท หรือเติบโต 11.9% ซึ่งผลประกอบการที่ดีนี้ส่งผลให้กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 4,252 ล้านบาท และผลกำไรสุทธิไตรมาส 2 ของปี 2556 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญถึง 13.1% อยู่ที่ 1,569 ล้านบาท”
“ผลประกอบการที่ดีในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2556 เป็นผลสำเร็จต่อเนื่องจากยอดขายของสาขาเดิมที่เพิ่มสูงขึ้นจากความสำเร็จของกลยุทธ์การตลาด การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้ค่าเช่าและค่าบริการ การบริหารต้นทุน และรายได้จากการเปิดสาขาใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้บิ๊กซีสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างตรงจุด ทั้งด้านความเป็นผู้นำด้านราคาถูก บริการและการอำนวยความสะดวกที่เน้นให้บิ๊กซีเป็นศูนย์กลางในการจับจ่ายใช้สอยอย่างครบวงจร การทำการตลาดทั้งแบบเจาะกลุ่มลูกค้าและแบบเจาะจงกลุ่ม ซึ่งได้ดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาใช้บริการที่บิ๊กซีอย่างต่อเนื่องและเป็นประจำ”
“ในไตรมาส 2 ของปี 2556 บิ๊กซีได้ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดไฮเปอร์มาร์เกต 1 สาขาในจังหวัดอ่างทอง บิ๊กซีมาร์เกต 3 สาขา ที่อำเภอหัวหิน เกาะพะงัน และตาคลี มินิบิ๊กซี 36 สาขา (ในจำนวนนี้ 19 สาขาอยู่ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก) และร้านขายยาเพรียว 15 สาขา ทำให้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 บิ๊กซีมีไฮเปอร์มาร์เกตรวม 115 สาขา บิ๊กซีมาร์เกต 22 สาขา มินิบิ๊กซี 194 สาขา และร้านขายยาเพรียว 110 สาขา”
“เราจะเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทุกรูปแบบ พร้อมได้เริ่มก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่สำหรับมินิบิ๊กซี เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่องตามแผนการขยายธุรกิจ” นางสาวรำภา สรุป