“นิวัฒน์ธำรง-ยรรยง” เข้ากระทรวงพาณิชย์วันแรก โปรยยาหอมจะทำงานหนัก และขอจัดระเบียบเรื่องข้าวให้ดีกว่าเก่า
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชชย์ พร้อมด้วยนายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ ได้เดินทางเข้ากระทรวงพาณิชย์เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงพาณิชย์ ในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือ ครม.ปู 5 โดยมีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ พร้อมด้วยนางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ หลังจากสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว นายนิวัฒน์ธำรง และนายยรรยงได้พบปะหารือกับผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์และรับประทานอาหารร่วมกันประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนเดินทางไปร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล
นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวว่า มีความตั้งใจที่จะทำงานอย่างเต็มที่หลังจากได้รับความไว้วางใจให้มาดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ โดยจะใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่จากการทำงานในภาคธุรกิจมาประมาณ 30 ปีมาปรับใช้ และแม้อายุจะเยอะกว่าเพื่อนๆ ข้าราชการในกระทรวงฯ แต่ขอยืนยันว่าจะทำงานหนักไม่แพ้ใคร และจะตั้งใจทำให้ระบบการทำงานในกระทรวงพาณิชย์เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผลที่สุด ส่วนข้อครหาการทุจริต คอร์รัปชัน ต้องมาช่วยกันเพื่อให้ข้อครหานั้นหมดไป ขอให้มีการทำงานอย่างโปร่งใส ป้องกันการทุจริตทุกอย่าง และอยากให้มีการจัดระบบเกี่ยวกับเรื่องข้าวอย่างเป็นระบบมากกว่าที่เป็นอยู่
“ผมทำงานในภาคเอกชน ภาคธุรกิจมาตลอดชีวิต ทำมาทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายการตลาด ฝ่ายขาย ฝ่ายบุคคล เชื่อว่าประสบการณ์ทางด้านธุรกิจที่ผมมีน่าจะนำมาช่วยในการทำงานได้ และใน 1 ปีที่ผ่านมาได้เข้ามาทำงานในสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้ได้เรียนรู้ระบบงานมากพอสมควร น่าจะช่วยได้” นายนิวัฒน์ธำรงกล่าว
ส่วนการดูแลเรื่องข้าวจะดูว่าทำอย่างไรให้ราคาข้าวสารส่งออกอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ และทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้น ซึ่งวันนี้ราคาข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่งอยู่ตันละ 100 กว่าเหรียญสหรัฐ ถ้าสูงมากไปก็ขายไม่ได้ เมื่อขายไม่ได้เกษตรกรก็ไม่มีรายได้เพิ่มขึ้น ทั้ง 2 อย่างต้องทำให้ดีที่สุด ส่วนแผนการระบายข้าว ในการประชุม กขช.คงได้คุยกัน แต่โดยหลักการแล้วต้องขายให้มากที่สุด เร็วที่สุด และได้ราคาดีที่สุด
ด้านนายยรรยงกล่าวว่า สิ่งที่ต้องการในการทำงานคือ ทีมเวิร์ก แม้ว่าจะไม่ใช่ภารกิจหลักของแต่ละหน่วยงาน แต่ควรจะต้องมาช่วยกันในภารกิจที่สำคัญๆ เร่งด่วนก่อน อย่างเช่นเวลานี้คือเรื่องข้าว และเห็นว่าข้าราชการที่จะเกษียณอายุในอีก 3 เดือนข้างหน้าต้องขอให้ลุยงานหนักหน่อย เหมือนตอนที่ตนอยู่ได้ลุยหนักจนหยดสุดท้าย ถ้าช่วง 3 เดือนนี้ช่วยกันทำการระบายข้าวได้สัก 4-5 ล้านตัน ถือว่าจะได้เป็นผลงานของตัวเองก่อนเกษียณ และเป็นผลงานโดยรวมของกระทรวง