"ไพรินทร์" พร้อมยอมรับคำวินิจฉัย กรณีนั่ง กก.อิสระ "เอฟแอนด์เอ็น" ไม่ว่าจะกระทบต่อสถานะของการเป็นซีอีโอ ปตท. หรือไม่ก็ตาม เพื่อให้สิ่งนี้เป็นบรรทัดฐานขององค์กร พร้อมปัดผลประโยชน์ทับซ้อน
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. ระบุพร้อมรับคำวินิจฉัยจากคณะกรรมการตรวจสอบ กรณีเป็นกรรมการอิสระบริษัท เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ จำกัด (มหาชน) หรือเอฟแอนด์เอ็น ในเครือของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ไม่ว่าจะกระทบต่อสถานะของการเป็นซีอีโอหรือไม่ก็ตาม
นายไพรินทร์ ได้ออกสารชี้แจงถึงพนักงาน ปตท.วานนี้ โดยใจความหลัก คือ ก่อนไปรับตำแหน่งกรรมการอิสระเอฟแอนด์เอ็น ได้ปรึกษากับผู้รู้ ผู้มีประสบการณ์ และได้ศึกษาถึงบรรทัดฐานจากการดำเนินงานในอดีต ทั้งในกลุ่ม ปตท. และบริษัทภายนอกว่าสามารถไปเป็นกรรมการได้ โดยบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ จดทะเบียนในสิงคโปร์ มีอายุกว่า 100 ปี จึงคาดว่าจะนำประสบการณ์ มาปรับใช้กับการบริหารจัดการกับบริษัทในกลุ่ม ปตท.ที่อยู่ในระหว่างการขยายงานในต่างประเทศ
นายไพรินทร์ ระบุว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการท้วงติงถึงความเหมาะสมว่าขัดต่อ พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ก็ได้เสนอเรื่องเสนอบอร์ด ปตท. และบอร์ดได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและให้คำวินิจฉัย ซึ่งจะมีการประชุม 12 ก.ค. และเพื่อสร้างบรรทัดฐานในการบริหารงานให้ถูกต้องโปร่งใส ตนได้ลาออกจากการเป็นกรรมการอิสระเอฟแอน์เอ็น ตั้งแต่ พ.ค.2556 ดังนั้นเมื่อคำวินิจฉัยจากคณะกรรมการตรวจสอบไม่ว่าจะออกมารูปแบบใด จะส่งผลต่อสถานะหรือไม่ ก็ยินดีจะรับผิดชอบทุกประเด็นต่อคำวินิจฉัยทุกกรณี เพื่อให้สิ่งนี้เป็นบรรทัดฐานของการดำเนินงานของ ปตท.
"ขอยืนยันว่าการไปรับตำแหน่งกรรมการอิสระเอฟแอนด์เอ็น ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับงานของกลุ่ม ปตท.แต่อย่างใด และขอให้เชื่อมั่นในการทำงานในตำแหน่งซีอีโอของผม จะทำหน้าที่ดีที่สุดเพื่อนำพาองค์กรให้เจริญรุ่งเรื่อง" นายไพรินทร์ ระบุ
ทั้งนี้ สารถึงพนักงานของนายไพรินทร์ได้ชี้แจงต่อพนักงานช่วงเช้าวานนี้ และในช่วงบ่าย นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี ประธานบอร์ด ปตท.ได้ออกสารถึงพนักงาน ปตท.เช่นกัน ก่อนที่จะยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ด โดยในสารของนายวิเชษฐ์ ได้เน้นย้ำถึงการทำงานร่วมกับพนักงานที่คำนึงถึงการกำกับกิจการที่ดี
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. ระบุพร้อมรับคำวินิจฉัยจากคณะกรรมการตรวจสอบ กรณีเป็นกรรมการอิสระบริษัท เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ จำกัด (มหาชน) หรือเอฟแอนด์เอ็น ในเครือของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ไม่ว่าจะกระทบต่อสถานะของการเป็นซีอีโอหรือไม่ก็ตาม
นายไพรินทร์ ได้ออกสารชี้แจงถึงพนักงาน ปตท.วานนี้ โดยใจความหลัก คือ ก่อนไปรับตำแหน่งกรรมการอิสระเอฟแอนด์เอ็น ได้ปรึกษากับผู้รู้ ผู้มีประสบการณ์ และได้ศึกษาถึงบรรทัดฐานจากการดำเนินงานในอดีต ทั้งในกลุ่ม ปตท. และบริษัทภายนอกว่าสามารถไปเป็นกรรมการได้ โดยบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ จดทะเบียนในสิงคโปร์ มีอายุกว่า 100 ปี จึงคาดว่าจะนำประสบการณ์ มาปรับใช้กับการบริหารจัดการกับบริษัทในกลุ่ม ปตท.ที่อยู่ในระหว่างการขยายงานในต่างประเทศ
นายไพรินทร์ ระบุว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการท้วงติงถึงความเหมาะสมว่าขัดต่อ พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ก็ได้เสนอเรื่องเสนอบอร์ด ปตท. และบอร์ดได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและให้คำวินิจฉัย ซึ่งจะมีการประชุม 12 ก.ค. และเพื่อสร้างบรรทัดฐานในการบริหารงานให้ถูกต้องโปร่งใส ตนได้ลาออกจากการเป็นกรรมการอิสระเอฟแอน์เอ็น ตั้งแต่ พ.ค.2556 ดังนั้นเมื่อคำวินิจฉัยจากคณะกรรมการตรวจสอบไม่ว่าจะออกมารูปแบบใด จะส่งผลต่อสถานะหรือไม่ ก็ยินดีจะรับผิดชอบทุกประเด็นต่อคำวินิจฉัยทุกกรณี เพื่อให้สิ่งนี้เป็นบรรทัดฐานของการดำเนินงานของ ปตท.
"ขอยืนยันว่าการไปรับตำแหน่งกรรมการอิสระเอฟแอนด์เอ็น ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับงานของกลุ่ม ปตท.แต่อย่างใด และขอให้เชื่อมั่นในการทำงานในตำแหน่งซีอีโอของผม จะทำหน้าที่ดีที่สุดเพื่อนำพาองค์กรให้เจริญรุ่งเรื่อง" นายไพรินทร์ ระบุ
ทั้งนี้ สารถึงพนักงานของนายไพรินทร์ได้ชี้แจงต่อพนักงานช่วงเช้าวานนี้ และในช่วงบ่าย นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี ประธานบอร์ด ปตท.ได้ออกสารถึงพนักงาน ปตท.เช่นกัน ก่อนที่จะยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ด โดยในสารของนายวิเชษฐ์ ได้เน้นย้ำถึงการทำงานร่วมกับพนักงานที่คำนึงถึงการกำกับกิจการที่ดี
