เตือนรัฐรับมือ ศก.โลกระส่ำ! เลิกประชานิยม-ปรับ ครม.ดึงมืออาชีพร่วม

นักวิชาการแนะทุกภาคส่วนรับมือเศรษฐกิจโลก หลัง ศก.จีนส่งสัญญาณถดถอย ตลาดเงิน-ทุนส่อผันผวนหนัก แนะรัฐรับมือ ศก.ภายในด้วยการลด เลิกประชานิยมที่ไม่มีผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจำนำข้าว รถคันแรก ควบคู่กับการดูแล ศก.โลก ขณะที่ ส.อ.ท.แนะหากรัฐปรับ ครม.วอนขอคนมีความรู้ความสามารถเข้าร่วม ชี้ครึ่งปีหลังต้องรับมือความผันผวนของ ศก.มากขึ้น

นายสมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีสัญญาณอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง จากสัญญาณเศรษฐกิจจีนที่เริ่มถดถอยโดยเฉพาะสถาบันการเงินจีนเริ่มมีหนี้เสีย (NPL) ในระบบเพิ่มมากจนน่าเป็นห่วง ซึ่งจะมีผลต่อตลาดเงินและตลาดทุนของไทยผันผวนในช่วงนี้ ดังนั้นรัฐบาลจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมในการรับมือทั้งภาคการเงินที่จะต้องดูอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจจะผันผวนหนัก ขณะที่ภาคส่งออกจะต้องระวังการนำเข้าและส่งออกที่อาจจะชะลอตัวลง

ทั้งนี้ รัฐบาลจะต้องปรับการบริหารงานเพื่อให้เกิดสมดุล 2 ด้าน คือ 1. การปรับสมดุลเศรษฐกิจจากความไม่สมดุลภายในประเทศ โดยเฉพาะควรลดและเลิกนโยบายประชานิยม โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว โครงการรถคันแรก ฯลฯ ซึ่งกรณีการรับจำนำข้าวที่รัฐบาลจะลดราคาจำนำลงมาก็จะต้องแก้ปมขัดแย้งให้ได้ ส่วนรถคันแรกที่ผ่านมาทำให้การบริโภคในประเทศลดลงมาก และทำให้การจราจรติดขัดไม่เป็นผลดีใดๆ เพราะประเทศอื่นๆ ในโลกมีแต่จะส่งเสริมให้ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า 2. การปรับสมดุลกับความไม่สมดุลของเศรษฐกิจโลก ซึ่งเศรษฐกิจโลกอาจจะถดถอยจึงต้องเตรียมพร้อมในทุกด้านที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการส่งออก ซึ่งหากบริหารเศรษฐกิจในประเทศลำบากก็จะทำให้ต้องเจอปัญหาทั้งสองด้าน

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ยังไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ แต่หากปรับก็อยู่ที่การตัดสินใจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะจัดทีมเศรษฐกิจมาให้สามารถบริหารงานต่อ โดยเอกชนเองต้องการให้มีการบริหารงานอย่างต่อเนื่อง ได้บุคคลที่มาเป็นรัฐมนตรีที่มีความรู้ความสามารถเพื่อที่จะร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังที่ยังมีภาพไม่ชัดเจนนักว่าจะไปในทิศทางใดแน่

“ผมยังไม่อยากใช้ความรู้สึกประเมินเศรษฐกิจ โดยจะขอดูดัชนีความเชื่อมั่น ส.อ.ท.ในเดือน มิ.ย.นี้ก่อนว่าเอกชนมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจใน 3 เดือนข้างหน้าอย่างไร นั่นน่าจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนมากกว่า เพราะดัชนีเชื่อมั่น 3 เดือนข้างหน้าจากผลสำรวจในเดือน พ.ค.พบว่าเกิน 100 ซึ่งถือว่าดีมากอยู่” นายพยุงศักดิ์กล่าว

นายทวี ปิยวัฒนา รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า หากรัฐบาลจะปรับ ครม. สิ่งที่เอกชนคาดหวังคือการแต่งตั้งบุคคลที่เหมาะสมที่เป็นนักบริหารเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ไม่อยากให้เน้นเอานักการเมืองมานั่งเป็นหลัก เพราะขณะนี้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยจำเป็นจะต้องได้มืออาชีพมาดูแลอย่างมากเพราะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภายในยังมีปัจจัยหลายๆ ด้านที่ไม่สู้ดีนัก การทำงานของรัฐบาลครึ่งปีหลังจะหนักขึ้น