ASTVผู้จัดการออนไลน์ - จับตาพนักงาน อสมท ต้านบอร์ดประชุมมีมติซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังคารนี้ บอร์ดคนหนึ่งแฉมีการโทรศัพท์มาล็อบบี้แต่ประกาศไม่เข้าร่วมด้วยกับ “สุธรรม-จักรพันธุ์” หวั่นโดยสาปแช่งจากพนักงาน เผยเบื้องหลังโครงการรองกรรมการที่ถูก สตง.สอบชงโครงการร่วมกับที่ปรึกษาสุธรรมที่ตั้งขึ้น
หลังเกิดความขัดแย้งระหว่างพนักงาน อสมท กับนายสุธรรม แสงประทุม ประธานกรรมการบริหาร บมจ.อสมท หรือบอร์ด อสมท และนายจักรพันธุ์ ยมจินดา รองประธานบอร์ดกรณีการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษมูลค่ากว่า 480 ล้านบาทจากบริษัทซีทีเอส โดยพนักงาน อสมท ส่วนใหญ่ และสหภาพฯ ได้ออกแถลงการณ์ไม่ต้องการให้มีการทำสัญญาซื้อลิขสิทธิ์ดังกล่าวเนื่องจาก อสมท กำลังอยู่ในช่วงของการระดมเงินเพื่อทำสถานีดิจิตอล และฝ่ายการตลาดได้วิเคราะห์แล้วว่าจะเกิดความไม่คุ้มค่าและยากต่อการหาโฆษณานั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า นายสุธรรมได้สั่งการให้มีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าในที่ประชุมบอร์ดในวันอังคารที่จะถึงนี้ในเวลา 13.00 น. โดยได้โทรศัพท์ไปล็อบบี้คณะกรรมการหลายคนให้ยกมือเห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว ขณะที่กรรมการคนหนึ่งเปิดเผยว่าได้มีการโทรศัพท์มาล็อบบี้แต่ตนได้บอกไปแล้วว่าไม่เห็นด้วยเพราะจะส่งผลกระทบต่อ อสมท ในการจัดสรรงบประมาณเพื่อภารกิจอื่นโดยเฉพาะการประมูลช่องทีวีดิจิตอล ที่สำคัญมีการวิเคราะห์แล้วว่าไม่สามารถหาโฆษณาได้กำไรจากโครงการนี้และพนักงานส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย หากตนยกมือให้การสนับสนุนคงโดนพนักงานด่าและสาปแช่งอย่างแน่นอน
“มีการโทรศัพท์ล็อบบี้กันตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา โครงการนี้ดำเนินเริ่มจากรองกรรมการคนที่ถูก สตง.สอบร่วมมือกับที่ปรึกษาที่สุธรรมตั้งขึ้นชงขึ้นมา ซึ่งที่ปรึกษาที่นายสุธรรมตั้งขึ้นก็ระบุว่าเป็นที่ปรึกษาของบอร์ดแต่เป็นคนของนายสุธรรมทั้งหมดและไม่มีใครรู้เรื่องด้วย แม้แต่หน้าตายังไม่เคยเห็นเลย ซึ่งนายสุธรรมจะหมดวาระในเดือนกันยายนนี้จึงจำเป็นต้องเร่งให้เสร็จ
ประการที่สำคัญคือ นายสุธรรมถึงขนาดทำหนังสือด้วยตนเองผ่านไปยัง รมต.และโทรศัพท์หานักการเมืองหลายคนให้มีการสนับสนุนนำงบประมาณมาในโครงการนี้เพื่อให้ผ่านไปให้ได้ ซึ่งจริงๆ แล้วบอร์ดไม่มีอำนาจลงไปก้าวก่ายการทำโครงการของ อสมท เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร หรือกรณีนายจักรพันธุ์เรียกฝ่ายบริหารพูดคุยเรื่องนี้ซึ่งไม่มีนายเอนก กรรมการผู้อำนวยใหญ่อยู่ด้วย ตนก็ไม่เข้าใจว่าใช้อำนาจอะไรในการทำเพราะไม่ใช่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่หรือฝ่ายบริหาร เรื่องนี้มีผู้บริหารร่วมมือด้วย โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์รวมขององค์กร ลองกลับไปดูว่าวันที่นายจักรพันธุ์เรียกผู้บริหารเข้าไปประชุมเรื่องนี้มีฝ่ายบริหารคนไหนบ้างที่เข้าร่วมประชุมก็จะรู้ว่าใครเป็นใคร”
รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานกลุ่มหนึ่งได้หารืออาจจะมีการเตรียมรวมตัวที่จะชุมนุมประท้วงในวันที่มีการประชุมบอร์ดในวันอังคารที่จะถึงนี้เพื่อกดดันไม่ให้บอร์ดมีมติเรื่องดังกล่าว โดยพนักงานมีการจับตาบอร์ดเป็นรายบุคคลว่าใครจะยกมือสนับสนุนเรื่องดังกล่าวบ้าง โดยเฉพาะบอร์ดที่มาโดยตำแหน่งและที่ได้รับการยอมรับว่ามีความเป็นกลางยึดถือผลประโยชน์ของ อสมท หรือของหน่วยงานและผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ เพราะ อสมท ยังคงความเป็นรัฐวิสาหกิจมีหน้าที่นำรายได้เข้ารัฐปีละหลายพันล้านบาท ขณะเดียวกันยังต้องรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ และอนาคตของพนักงานอีกกว่าสองพันคน โดยหากบอร์ดคนใดยกมือนับสนุนพนักงาน อสมท จะมีการประกาศออกสู่สื่อสาธารณะและให้สื่อมวลชนซักถามถึงเหตุผลเป็นรายบุคคลลงรายละเอียด เพื่อจะได้รับทราบว่าบอร์ดคนนั้นๆ มีความรู้หรือมีรายละเอียดเพียงพอต่อการตัดสินใจหรือไม่หรือถูกบังคับให้ยกมือให้ โดยพนักงาน อสมท ในฐานะองค์กรด้านสื่อสารมวลชนที่ไม่เคยใช้สื่อเป็นเครื่องมือ ส่วนตนจะเชิญชวนให้เพื่อนสื่อมวลชนช่วยกันตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเพราะถือว่าเป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติที่ อสมท ยังส่งรายได้เข้ารัฐ ที่สำคัญบอร์ดที่ยกมือสนับสนุนจะใช้เพียงตัวเลขกลมๆ ที่มีการกล่าวอ้างเช่นที่นายสุธรรมอ้างกับตัวแทนสหภาพฯ หรือไม่ว่า ตนเองสามารถหาเงินมาสนับสนุนได้แล้ว 270 ล้านบาทจาก ปตท. เอไอเอส ขณะที่จากการตรวจสอบของพนักงานไปยังหน่วยงานที่มีการกล่าวอ้างพบว่ามีการใช้อำนาจบีบบังคับให้มีการสนับสนุนโครงการดังกล่าว และยังไม่มีการเซ็นอนุมัติตัวเลขจริงออกมา หากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองก็อาจยกเลิกการสนับสนุนได้ทันที
แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า กรณีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง รองกรรมการฯ คนหนึ่งที่ถูก สตง.สอบกรณีทุจริตจัดซื้อจัดจ้างโครงการมีมูลค่าสูงกว่าความเป็นจริงนับล้านบาทนั้น หลังประธานสอบข้อเท็จจริงที่นายเอนกตั้งขึ้นซึ่งเป็นรองกรรมการอีกท่านหนึ่งได้อ้างเหตุผลความไม่พร้อมขอลาออกไปนั้น ปรากฏว่านายเอนกได้สั่งการไปยังฝ่ายกฎหมายให้เสนอบุคคลขึ้นมาเป็นประธานสอบข้อเท็จจริง แต่ปรากฏว่ายังไม่มีการตอบกลับมา แต่ล่าสุดมีผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ได้ตอบรับการเป็นประธานสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยนายเอนกยืนยันว่ามีการตั้งกรรมการสอบโดยเร็วเพื่อเป็นบรรทัดฐานขององค์กรที่โปร่งใสและมีธรรมาภิบาล โดยเบื้องต้นจากการดูข้อมูลของฝ่ายกฎหมาย มีความชัดเจนว่าโครงการดังกล่าวมีการทุจริตจริงและกรรมการจัดซื้อจัดจ้างและกรรมการตรวจรับหลายคนได้ยอมรับสารภาพในเบื้องต้นแล้ว