รัฐระดมวิทยุชุมชน-เคเบิลทีวีแจงข่าวพลังงานดันโรงไฟฟ้าถ่านหิน

กระทรวงพลังงานจัดเวทีสัมมนา “เราร่ำรวยพลังงานจริงหรือ?” ระดมคนจากวิทยุชุมชน โทรทัศน์ รับฟัง หวังให้นำไปจัดรายการให้ชาวบ้านฟัง ลั่นข้อมูลพลังงานบางฝ่ายบิดเบือนความจริง ให้แจงชาวบ้านเห็นถึงความจำเป็นที่ไทยต้องมีโรงไฟฟ้าถ่านหินเพื่อความมั่นคง ค่าไฟต่ำ จวกเอ็นจีโอบางรายไม่เสียสละเพื่อชาติแต่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว

เช้าวันนี้ กรมเชื้อเพลิงพลังงาน กระทรวงพลังงาน ได้จัดสัมมนาหัวข้อ “เราร่ำรวยพลังงานจริงหรือ?” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ โดยมีกลุ่มเครือข่ายวิทยุชุมชน วิทยุโทรทัศน์ และวิทยุกระจายเสียงจากทั้งในส่วนกลางและส่วนท้องถิ่นเข้าร่วมกว่า 300 คนเพื่อชี้แจงสถานการณ์ด้านพลังงานทั้งปัจจุบัน และอนาคต

นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวเปิดงานและบรรยาย “นโยบายพลังงาน” ว่า ปัญหาขณะนี้ข้อมูลและข่าววสารด้านพลังงานมีการนำมาพูดที่บิดเบือนข้อเท็จจริงมากในโลกสังคมออนไลน์ และกลุ่มองค์กรเอกชนหรือเอ็นจีโอบางรายก็อ้างว่ารักชาติ แต่ก็พบว่ามีเจตนาแอบแฝงเพื่อประโยชน์ตัวเอง ไม่เคยเสียสละเพื่อประเทศอย่างที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ต้องการให้วิทยุชุมชนได้เร่งชี้แจงชาวบ้านให้เข้าใจ โดยเฉพาะกรณีการพัฒนาโรงไฟฟ้าที่อนาคตไทยจะต้องมองโรงไฟฟ้าถ่านหินเพื่อลดสัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติที่ขณะนี้ไทยเพิ่งผลิตไฟได้กว่า 67% ซึ่งก๊าซฯ สำรองผ่านท่อหากเกิดปัญหาขึ้นไทยจะเสี่ยงไฟฟ้าดับทันที แต่กรณีถ่านหินนำมาเก็บสำรองได้ถึง 6 เดือนและยังมีต้นทุนผลิตไฟต่ำกว่า

“เวลานี้เทคโนโลยีถ่านหินสะอาดมีมาตรฐานปล่อยมลพิษต่ำมากซึ่งต่างจากอดีตที่เคยเกิดกับกรณีแม่เมาะแล้ว ซึ่งไฟฟ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของประชาชนและต้นทุนของอุตสาหกรรม ถ้าค่าไฟแพงนั่นก็คือค่าครองชีพแพงไปด้วยเราจะเอาอะไร เพราะถ้าแสงอาทิตย์ไฟฟ้าผลิตได้มากสุดก็ 10 เมกะวัตต์ ใช้พื้นที่มาก ค่าไฟแพงกว่าก๊าซฯ ผลิต 3 เท่าตัวจะรับได้ไหม ส่งเสริมพลังงานชีวมวลจากหญ้าเนเปียร์คงต้องใช้พื้นที่เท่าใดจึงจะพอ” นายพงศักดิ์กล่าว

นายพงษ์ศักดิ์กล่าวระหว่างบรรยายเรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหินว่า ให้ผู้จัดรายการวิทยุชุมชนไปลงชื่อหน้างานเพื่อที่ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้จัดไปดูงานโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกระทรวงพลังงานมีนโยบายที่จะเร่งส่งเสริมให้ความรู้ที่ถูกต้อง โดยมีโควตาที่จะพาไปในทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง 500 คน

นอกจากนี้ ส่วนของการปรับราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีก็มีผู้ต่อต้านมาก จึงฝากถามว่าคุณต่อต้านเพื่อใคร เพราะราคาแอลพีจีของไทยถูกตรึงราคาหน้าโรงกลั่นไว้ไม่เกิน 333 เหรียญสหรัฐต่อตัน แต่ราคาจริงอยู่ที่ 700 กว่าเหรียญต่อตัน ที่เหลือกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะต้องจ่ายอุดหนุนราคา ซึ่งกองทุนน้ำมันเก็บจากผู้ใช้น้ำมัน การที่รัฐจะลดการอุดหนุนราคาแต่ยังช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำและร้านค้าหาบเร่แผงลอยจึงเป็นการช่วยเหลือคนที่ตรงจุดมากกว่าการนำเงินผู้ใช้น้ำมันไปอุ้มคนรวยด้วยเช่นปัจจุบัน