นักวิชาการ “ทีดีอาร์ไอ” ชี้ นโยบายประชานิยมกลายเป็นลัทธิการเมือง อาจทำให้ประชาชนเคยชิน และสิ้นเปลืองงบประมาณของรัฐบาล แนะให้เลิกทำบางโครงการเพราะทำประเทศเสียหาย และเสียวินัยการคลัง
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) จัดเสวนา “คิดใหม่ประชานิยม : จากรัฐบาลทักษิณถึงยิ่งลักษณ์” โดยนายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า คำว่าประชานิยม เป็นรูปแบบการเอาใจประชาชนเพื่อให้การสนับสนุนผู้นำกลุ่มในทุกรูปแบบ ทั้งกลุ่มเสื้อเหลืองและเสื้อแดง และกลุ่มประเภทต่างๆ อย่างเช่น การรับจำนำข้าว แม้ขาดทุนก็มองว่าไม่เป็นไร เพราะเป็นการแทรกแซงของรัฐบาลในการช่วยเหลือเกษตรกร แต่ต้องไม่ให้มีการทุจริต เอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มอื่น
นายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า นโยบายประชานิยมของไทยจะสร้างความเคยชิน ทำให้ประชาชนรอคอยแต่ว่าจะได้รับประโยชน์อะไรจากรัฐบาลในแต่ละนโยบาย เช่น คนกรุงเทพฯ จะไม่วิจารณ์การรับจำนำข้าวเพราะไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่เมื่อได้รับประโยชน์จากรถยนต์คันแรก ขณะที่ชาวนาชอบนโยบายดังกล่าวเพราะให้ประโยชน์แก่ตนเอง แต่มองว่าคนที่ได้รับประโยชน์มากกว่าชาวนาคือชาวนารายใหญ่ และโรงสี กลุ่มคนเหล่านี้จะสามารถเป็นแกนนำระดมคะแนนนิยมให้รัฐบาลได้
อย่างไรก็ตาม มองว่าหากใช้นโยบายประชานิยมให้มีประสิทธิภาพจะดีมาก ด้วยการช่วยเหลือคนพิการ ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งยังชื่นชอบโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เพราะเป็นนโยบายครอบคลุมประชาชนทั้งประเทศ การพัฒนาสินค้าโอทอปเพื่อให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง ซึ่งเริ่มมาในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ และหากบริหารโครงการให้ดีจะเกิดประโยชน์มาก แต่พอมาสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์เลือกใช้นโยบายประชานิยมเฉพาะกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ เช่น รถยนต์คันแรก จึงต้องระมัดระวัง เพราะจะทำให้ประชาชนเสพติด สิ้นเปลืองงบประมาณของรัฐบาล