ร้านทองเยาวราชกุมขมับไม่มีทองขาย “จิตติ” ยอมรับโรงงานผลิตไม่ทัน เพราะคนมีเงินไล่ซื้อเก็บออมเป็นจำนวนมาก พร้อมยอมรับร้านทองชื่อดังหลายแห่งไม่มีสินค้าวางขายหน้าร้าน และมีการแย่งทองจนทะเลาะกัน
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมผู้ค้าทองคำ เปิดเผยว่า ขณะนี้ร้านค้าทองคำในเยาวราชที่มีชื่อเสียงหลายรายไม่มีทองคำมาจำหน่ายหน้าร้าน เพราะตั้งแต่ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่ำกว่า 20,000 บาท นักลงทุนและลูกค้ารายย่อยก็หันมาซื้อทองคำเพื่อเก็บออมจำนวนมาก ทำให้โรงงานผลิตทองคำส่งมอบให้ร้านค้าทองไม่ทัน
“ทองไม่มีจะขายแล้ว โรงงานผลิตไม่ทัน ตอนนี้ขายดีตลอดช่างฝีมือทำทองก็มีน้อยลง ทำไม่ทัน ร้านขายทองก็แย่งทองกันจนทะเลาะกันก็มี โรงงานก็ผลิตทองคำได้ไม่เต็มที่ ใครก็อยากได้ทองมาขาย ตอนนี้ร้านทองไม่เลือกแบบแล้วส่งแบบไหนมาก็เอา ขอให้มีทองขายหน้าร้านไว้ก่อน” นายจิตติกล่าว
นายจิตติกล่าวว่า ฝั่งผู้ซื้อขณะนี้มีทั้งที่ต้องการซื้อเพื่อเก็บออม ดังนั้นหากใครมีทองคำอยู่ในมือขณะนี้ ยังไม่ควรนำออกมาขาย เพราะราคาจะปรับขึ้นอีก ตั้งแต่ราคาลดลงมาเหลือ 18,600 บาท ราคาก็เริ่มทยอยปรับขึ้น 2,000 บาทแล้ว เชื่อว่าสิ้นปีนี้ราคาทองคำจะปรับขึ้นไปอยู่ที่ 23,000-24,000 บาท
สำหรับราคาทองคำวันที่ 3 พ.ค. เปิดตลาดปรับขึ้นทันที 350 บาท ก่อนขยับขึ้นอีก 2 รอบ รอบละ 50 บาท เป็นการปรับตัวขึ้นแรง ทองแท่งขึ้นมาอยู่ที่ 20,750 บาท และทองรูปพรรณอยู่ที่ 21,150 บาท
ทั้งนี้ หากนับตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. ราคาทองคำแท่งอยู่ที่ 24,250 บาท และทองคำรูปพรรณ 24,650 บาท ก่อนจะร่วงต่ำสุดในวันที่ 18 เม.ย. และค่อยๆ ขยับขึ้น แต่หากซื้อทองคำมาตั้งแต่ต้นปีจะขาดทุนประมาณ 3,500 บาทแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า ร้านค้าทองคำที่มีทองคำไม่พอขายหน้าร้าน ได้แก่ ร้านทองใบเยาวราช ร้านทองโต๊ะกัง และร้านทอง 24 กะรัต
ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานสถานการณ์การนำเข้าทองคำว่า นับตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมาจนสิ้นไตรมาส 1/2556 ปริมาณนำเข้าทองคำสูงถึง 1.9 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 61%
สำหรับบริษัทที่มีการนำทองคำเข้าสูงสุด 5 รายแรก ได้แก่ บริษัท บริงค์ส (ประเทศไทย) บริษัท จีโฟร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทัช บริษัทเอ็มทีเอส โกลด์ และบริษัท วาย แอล จี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล