- สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรปเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนในเดือน ก.พ. ขยายตัวขึ้น 0.4% จากเดือน ม.ค.ที่ร่วงลง 0.6% ซึ่งอาจเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจยูโรโซนเริ่มที่จะหลุดพ้นจากภาวะถดถอยแล้ว
- องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจOECD เปิดเผยว่า อัตราว่างงานในกลุ่มประเทศสมาชิก OECD ในเดือนก.พ.ลดลงสู่ระดับ 8% จาก 8.1% ในเดือนม.ค.โดย ประชาชนที่ว่างงานในกลุ่ม OECDมีจำนวน 48.7 ล้านคนในเดือน ก.พ. 2556 ลดลง 200,000 คนจากระดับในเดือน ม.ค.
- ZEWCenter เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนของเยอรมนีในเดือนเม.ย.ร่วงลงมาอยู่ที่36.3 จากระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 48.5 ในเดือนมี.ค.เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้และภาวะถดถอยของเศรษฐกิจในยูโรโซน นับเป็นการบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีอาจจะฟื้นตัวลำบาก
- เหตุระเบิด2 ครั้งที่การแข่งขันวิ่งมาราธอนที่เมืองบอสตันของสหรัฐเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาตามเวลาของสหรัฐนั้นล่าสุดมีผู้เสียชีวิต 3 รายโดยหนึ่งในผู้เสียชีวิตนั้นเป็นเด็กอายุ 8ปี ส่วนจำนวนผู้บาดเจ็บมีรายงานว่าเพิ่มขึ้นเป็น 141 ราย โดยในจำนวนดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บที่อาการสาหัส 17 ราย ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาประกาศว่าจะหาตัวผู้ก่อเหตุเพื่อมารับโทษจากการกระทำครั้งนี้
- สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ(NAHB) ของสหรัฐ เผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือน เม.ษ. ปรับลดลงแตะ 42 จาก 44 ของเดือนก่อนหน้าในขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 45โดยเป็นสัญญาณที่บอกว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังมีปัญหาในการฟื้นตัว
- ก.พาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่ายอดค้าปลีกเดือนมี.ค.ปรับตัวลง 0.4% เมื่อเทียบเดือนต่อเดือนแตะที่4.1828 แสนล้านดอลลาร์ ทำสถิติปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2ในรอบ 3 เดือน แต่เพิ่มขึ้น 2.8%เมื่อเทียบเป็นรายปีเนื่องจากยอดขายในปั๊มน้ำมันที่ลดลง
- รอยเตอร์และมหาวิทยาลัยมิชิแกนกล่าวว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงต้นเดือนเม.ย. อ่อนตัวลงแตะ 72.3ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 9 เดือน จากระดับเดือน มี.ค.ที่ 78.6 สถิติดังกล่าวอาจจะบ่งชี้ถึงการใช้จ่ายที่ชะลอตัวลงในอนาคตของผู้บริโภคสหรัฐและยังบ่งชี้ว่าชาวอเมริกันอาจจะรู้สึกถึงผลกระทบจากภาษีที่สูงขึ้น
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐลงสู่ระดับ 1.7% ในปีนี้ จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 2% อันเนื่องมาจากการปรับลดงบประมาณรายจ่ายโดยอัตโนมัติที่มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนที่แล้วจะส่งผลกระทบต่อการบริโภคภายในประเทศ
- รัฐบาลสหรัฐเห็นชอบให้ญี่ปุ่นเข้าร่วมการเจรจาเปิดเสรีการค้าหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหลังจากทั้งสองประเทศได้เสร็จสิ้นการหารือในขั้นเตรียมการว่าด้วยประเด็นโต้แย้งต่างๆโดยคาดว่าญี่ปุ่นมีแนวโน้มจะสามารถเข้าร่วมการเจรจาอย่างเป็นทางการได้เร็วที่สุดในเดือนก.ค. 2556
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของจีนชะลอลงแตะ 7.7% ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ แต่ยังคงสูงกว่าเป้าตลอดปีที่7.5% และผลผลิตมูลค่าเพิ่มภาคอุตสาหกรรมของจีน ปรับตัวขึ้น 9.5% เทียบรายปีซึ่งยังต่ำกว่าการขยายตัวตลอดทั้งปี 2555 อยู่ 0.5% บ่งชี้ว่ารัฐบาลชุดใหม่ไม่ได้ผลักดันการขยายตัวเป็นภารกิจหลักของรัฐบาล
- ส.สถิติแห่งชาติจีนรายงานว่า ยอดค้าปลีกของจีนในไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัว 12.4% เทียบรายปี แตะ5.5451ล้านล้านหยวน ซึ่งลดลง 2.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการขยายตัวที่ชะลอลงของตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีนส่งสัญญาณไม่ดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเพราะจีนมีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับสองของโลก
- ก.คลังเกาหลีใต้ได้ออกแถลงการณ์เรื่องงบประมาณเสริมที่จะใช้สนับสนุนกลุ่มผู้ส่งออกที่ได้รับแรงกดดันจากเงินเยนที่อ่อนค่าลงและเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งเป้ากระตุ้นการขยายตัวให้ได้0.3% โดยงบ 3 ล้านล้านวอนจะถูกนำมาใช้ในการสร้างงานและบริการด้านการฝึกอบรม
- ธ.กลางสิงคโปร์ประกาศคงนโยบายการเงินถึงแม้ว่าเศรษฐกิจภายในประเทศหดตัวลงแต่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อทำให้สิงคโปร์ต้องจำกัดขอบเขตการใช้มาตรการกระตุ้นการเงินทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หดตัวลง 1.4% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ จากไตรมาส 4ปีที่แล้วที่ขยายตัว 3.3%
- ธนาคารโลกยังได้ปรับเพิ่มแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยสู่ระดับ5.3% ในปีนี้ และ 5% ในปีหน้า จากเดิมที่คาดไว้ที่ 5%และ 4.5% ตามลำดับโดยระบุถึงการปรับตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนและได้กล่าวเพิ่มอีกว่าเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะเติบโต 6.5% ในปีนี้ และ 6.7% ในปีหน้า จาก 5.8% ในปี 2555ส่วนเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 8.3% ในปีนี้ จาก 7.8% ในปีที่แล้ว
- SETIndex เมื่อวันที่ 12เม.ย. ปิดที่1,527.32 จุด เพิ่มขึ้น 10.51 จุด หรือ +0.69% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 41,485.85ล้านบาทโดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1090.17 ล้านบาททั้งนี้ ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยเกือบปิดอยู่ที่จุดสูงสุดของวันโดยกลุ่มที่ดันตลาดขึ้นได้แก่กลุ่มเทเลคอม +4.23% ตามมาด้วยกลุ่มขนส่งและการท่องเที่ยว
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วง-0.04% ถึง + 0.01%
- การซื้อขายทองคำที่ตลาดนิวยอร์คปรับลดลงอย่างรุนแรง หลังจีนเปิดเผยข้อมูลทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกตามมาผนวกกับข่าวเหตุลอบวางระเบิดในการแข่งขันวิ่งบอสตันมาราธอน ทำให้มีคนตาย 3 ราย และบาดเจ็บอีก141 ราย ทำให้นักลงทุนเทขายทองคำออกมาจำนวนมากหลังจากราคานั้นปรับลดลงอย่างหนักในวันศุกร์ที่ผ่านมา และปรับลดลงต่อเนื่องอีกทำจุดต่ำใหม่ที่ระดับ 1335.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอนออนซ์