xs
xsm
sm
md
lg

“ดร.จาร์ท” เลิกร้านแมส ลุยเคาน์เตอร์ปรับราคาขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ดร.จาร์ท” ปรับโพซิชันนิ่งแบรนด์สู่เคาน์เตอร์แบรนด์ทั่วโลก ในไทยทุ่ม 60 ล้านบาท สูงสุดตั้งแต่ดำเนินการมากว่า 4 ปี เร่งเครื่องผุดสาขาร่วม 11 สาขา เจาะขายผ่านเคาน์เตอร์แบรนด์ในห้างให้มากที่สุด ยุติการขายผ่านวัตสัน หวังลบความเป็นแมสแบรนด์ ชูสินค้ามาตรฐานเดียวกับพรีเมียมแบรนด์

นางสาวปณิตา ธรรมวัฒนะ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท แปซิฟิก คอสเมติก จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เวชสำอางจากเกาหลีภายใต้แบรนด์ ดร.จาร์ท (Dr.Jart+) เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทแม่ของ ดร.จาร์ทในประเทศเกาหลีมีนโยบายปรับภาพลักษณ์แบรนด์สู่ความเป็นเวชสำอางพรีเมียมแบรนด์ในระดับเคาน์เตอร์แบรนด์ทั่วโลก จากเดิมที่มีโพซิชันนิ่งเป็นเวชสำอางจับกลุ่มเป้าหมายระดับซีบวกขึ้นไป สู่เป้าหมายระดับบีบวกขึ้นไปให้มากขึ้น 

ในส่วนของประเทศไทย ปีนี้ใช้งบประมาณสูงสุดกว่า 60 ล้านบาทตั้งแต่เข้ามาทำตลาดในไทยตลอด 4 ปีที่ผ่านมาปรับภาพลักษณ์แบรนด์ครั้งนี้ โดยกว่า 40 ล้านบาทจะขยายสาขาเพิ่ม 11 สาขาทั่วประเทศกับทางห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไปทั้งแบบเคาน์เตอร์แบรนด์ และร้านสแตนด์อะโลน จากปัจจุบันเปิดให้บริการ 9 สาขา แบ่งเป็น เคาน์เตอร์แบรนด์ 7 สาขา
และสแตนด์อะโลน 2 สาขา ถึงสิ้นปีนี้คาดว่าจะมี 20 สาขาทั่วประเทศ ส่วนอีก 20 ล้านบาทเป็นงบการตลาดปรับภาพลักษณ์แบรนด์ผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ

นายปกรณ์ ศุภวราพงษ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แปซิฟิก คอสเมติก จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ จะยุติการนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในช่องทางเดิม คือ ร้านขายยา สุขภาพ และความงามอย่างวัตสัน และจะมุ่งสู่ช่องทางเคาน์เตอร์แบรนด์ให้มากที่สุด พร้อมนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพเช่นเดียวกับเคาน์เตอร์แบรนด์ชั้นนำ โดยจะปรับราคาขึ้น 10% จำหน่ายตั้งแต่ราคา 1,000-6,000 บาท จากปัจจุบันมีสินค้าวางจำหน่าย 10 กลุ่มผลิตภัณฑ์ รวมกว่า 31 รายการ ปีนี้จะนำเข้ามาจำหน่ายเพิ่มอีก 15 รายการ เช่น Ceramidin Cream เป็นครีมบำรุงผิวเข้มข้น เป็นต้น 

ปัจจุบัน ดร.จาร์ทมีช่องทางจำหน่ายหลัก 3 ทาง คือ ช่องทรูโฮมช้อปปิ้ง 50% 2. ร้าน/เคาน์เตอร์ ดร.จาร์ท 45% และ 3. ตัวแทนจำหน่าย 5% และจากการที่เข้ามารุกในช่องทางร้าน/เคาน์เตอร์ ดร.จาร์ท มากขึ้น คาดว่าถึงสิ้นปี 2556 สัดส่วนรายได้จากช่องทางดังกล่าวจะเป็น 70% และปีนี้รายได้เพิ่มขึ้น 100 ล้านบาท จากปีก่อนปิดรายได้ที่ 200 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมตลาดเวชสำอางมีมูลค่ากว่า 13,000 ล้านบาท เติบโตปีละ 10-15%

นางปณิตากล่าวต่อว่า ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มียอดขายของ ดร.จาร์ททั่วโลกอยู่ในอันดับ 3 จากทั้งหมด 15 ประเทศ รองจากเกาหลี และอเมริกา และถือเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย ทั้งนี้ ตามแผนการดำเนินงานภายใน 3-5 ปีข้างหน้าจะมีการขยายสาขารวมให้ได้ไม่ต่ำกว่า 50 สาขา และจะมีโมเดลการเปิดให้บริการในรูปแบบคลินิกดูแลผิวหน้าเช่นเดียวกับในเกาหลีด้วย

นอกจากนี้ ยังจะมีความร่วมมือในการให้บริษัทดูแลตลาดในส่วนของเออีซีต่อไป โดยประเทศแรกที่จะไปนั้นคือ ลาว ส่วนโมเดลที่รุกตลาดอาเซียนนั้นกำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการดำเนินงานของบริษัทภายในสิ้นปีนี้จะมีการนำเข้าแบรนด์เครื่องสำอางจากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดเพิ่มอีก 1 แบรนด์ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น